15.1.10

นายกฯพบ fcct ปีที่สอง







เป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ ที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มาพบปะกับบรรดาผู้สื่อข่าวต่างชาติในประเทศไทย (Foregint Correspondents Club of Thailand: FCCT) เป็นธรรมเนียมของนายกรัฐมนตรีที่จะได้รับเชิญ เพราะผู้สื่อข่าวอยากฟังวิสัยทัศน์และที่สำคัญอยากซักถามตรงๆ

ตอนเปิดงานประธาน fcct บอกว่าพูดตรงๆปีที่แล้วตอนที่นายกฯอภิสิทธิ์มาไม่คิดว่าจะอยู่ครบปี พอนายกฯได้โอกาสพูดบ้างก็บอกว่า "ปีนี้ พวกคุณก็คงคิดว่าผมจะอยู่ไม่ถึงปีหน้า" เริ่มเปิดฉากก็พอจะเรียกเสียงหัวเราะและทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงได้บ้างค่ะ

ช่วงเวลาสำคัญของงานเห็นจะไม่ได้อยู่ที่ สิ่งที่นายกฯเตรียมมาพูด ที่จริงดิฉันได้แอบเห็นสุนทรพจน์ที่เตรียมไว้ พอถึงเวลาจริงๆ นายกฯพูดลื่นไหวไปตามธรรมชาติ ไม่ได้อ่านเลยค่ะ เรียกได้ว่าทุกอย่างมาจากสมอง แต่คงจะเป็นเพราะคุ้นเคยทำงานอยู่กับเรื่องเหล่านี้ตลอดเวลาอยู่แล้วเลยลื่นไหลเป็นอย่างดี พูดเต็ม 30 นาที กับประเด็นเศรษฐกิจฟื้นตัว การสร้างความสมานฉันท์ทางการเมือง ปัญหาภาคใต้ บทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียน และเวทีโลก

แต่ไฮไลท์ที่สุดอยู่ที่ช่วงคำถาม คำตอบ Question and Answer session นี่ละค่ะ เพราะเดาไม่ถูกเลยว่าผู้สื่อข่าวกว่า 300 คน ที่มาจากแตกต่างประเทศจะถามเรื่องอะไรกันบ้าง ปีนี้ตามประสาผู้สือข่าวต่างประเทศก็คงจะอยากรู้เรื่องการเมืองมากเป็นพิเศษ เพราะสถานการณ์การเมืองกำลังร้อน และมีความเคลื่อนไหว ผู้สื่อข่าวสนใจกันมากกับบทบาทของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

Q: what is the role of Gen. Prem, Does he involve in policy making or having any role in moral guidance?
A: Gen. Prem is the chair of privy council. That’s his role is the advisor to the King. I can safely tell you that last year, I met Gen. Prem, first to say Happy New Year, second time to Happy Birthday...I must get lost in translation, Speaking Thai will be more eloquent. (audiences laughing...)

นายกฯตอบว่าบทบาทของพลเอกเปรม คือประธานองคมนตรี เป็นที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีที่แล้วได้พบกับพลเอกเปรมเพียงสองครั้ง คือตอนสวัสดีปีใหม่ และ สุขสันต์วันเกิดเท่านั้น

จะเห็นว่าเป็นคำตอบสั้นๆที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ลงรายละเอียดมาก และเรื่องกฎหมายหมิ่นสถาบันก็เป็นอีกประเด็นที่โดนตั้งคำถาม และนายกฯตอบติดตลกว่าเรื่องนี้ได้รับคำแนะนำไว้แล้วว่าจะต้องถูกถามแน่นอน ผู้สือ่ข่าวต่างชาติเกร็งกันพอสมควรกับกฎหมายนี้ค่ะ และบอกว่าถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มีกฎหมายนี้ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีบอกว่ามีคณะทำงานขึ้นมาแล้วเพื่อสร้างความชัดเจน แต่ก็ย้ำว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อนสำหรับสังคมไทย

ยังมีอีกหลายประเด็นที่โดนตั้งคำถามมาก อย่างเช่นคำสั่งยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของพันตำรวจโททักษิณ ทีศาลจะตัดสินในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายกฯยอมรับว่าเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดการชุมนุมทางการเมืองแน่นอน แต่จะพยายามคุมให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย และเรื่องการขอส่งตัวคุณทักษิณกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยห้ามคุณทักษิณกลับไทย อยากให้กลับมาด้วยซ้ำแต่ต้องมาตามแนวทางกฎหมาย

โดยรวมผู้สือข่าวต่างชาติก็สนุกสนาน ตั้งอกตั้งใจฟังกับลีลาการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรี และบอกว่าบุคลิกและคำพูดแสดงถึงความเป็นผู้นำ แต่สิ่งที่ยากกว่าพูดก็คือการปฏิบัติงานจริงๆ

12.1.10

อุปทูตซาอุฯแถลง...กังวลผลคำสั่งคดี จะไม่น่าพอใจ




บางส่วนของแถลงการณ์ นายนาบิล ฮุสเซน อัชรี อุปทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย หลังพบนายกฯอภิสิทธิ์ เช้าวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2553…1 วันก่อนอัยการสูงสุดมีคำสั่งคดีลอบสังหารนักธุรกิจซาอุฯ นายอัลลูไวรี่

“….It would be a historic moment after 13 successive governments to achieve these positive developments , which my country and government anxiously awaits.

I also requested that the current government and all officials should ensure transparency and justice without any interference whatsoever in the justice process, keeping in mind that greater causes and benefits for both our nations. Although the embassy has no authority or intention in interfering with any internal legal proceedings or decision, I believe that we have been fair, patient and understanding so far, despite being aware of strong lobbying efforts by some figures to influence the legal process and the course of justice in the latest developments. I do however not that it is in the best interest for all sides that justice is served, and commitments and promises are upheld, in order to rebuild trust and erase any shaken memories and restore lost confidence.

….Shortly after my meeting this morning I learned that there has been some last minute changes in the legal bodies overseeing the case of Mr. Alrwili.”


เต็มไปด้วยความคาดหวังของอุปทูตซาอุฯ ที่มาประจำในไทยสามปีครึ่งแล้วนะคะ ท่านอุปทูตบอกว่า “ลุ้น” กับผลการตัดสินในครั้งนี้มาก และมีความหวังในทางที่ดีมาตลอด จนกระทั่งเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้านี้ เพราะพอประชุมเสร็จ ได้รับทราบว่ามีความพยายามของคนบางกลุ่ม ที่วิ่งเต้นเพื่อแทรกแซงการทำงานของอัยการสูงสุด

เหลืออีก 10 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ ที่จะได้รับทราบว่าความสัมพันธ์ทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดิอาระเบีย จะเดินก้าวหน้า…หรือถอยหลัง …กับผลคำสั่งคดีจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีอุ้มสังหาร อัลลูไวรี เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน

อนาคตของแรงงานไทยที่เตรียมจะไปทำงานที่ซาอุฯแขวนอยู่บนคดีนี้ด้วยค่ะ ถ้าออกมาชัดเจนว่าคนทำผิดจะถูกลงโทษ ความสัมพันธ์จะได้รื้อฟื้น...แต่ถ้ายังคลุมเครือหรือเจอ "โรคเลื่อน" ความสัมพันธ์ก็จะชะงักต่อไป