ประกาศออกมาแล้วกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์1 ค่ะ
แนวทางประชานิยมแบบเน้นๆ กับนโยบายอัดฉีดงบประมาณ 115,000 ล้านบาท ของงบประมาณปี 2552
น้องๆก็จะได้เรียนฟรีกัน 15 ปีค่ะ ใครที่คิดจะซื้อบ้านกันในปีนี้ก็มีมาตการภาษีมาล่อใจ กับการยกเว้นดอกเบี้ยในวงเงิน 2 แสนบาท จากที่เคยให้ 1 แสนบาท
เป็นประชานิยมแบบไม่ปิดไม่บังอีกต่อไปแล้ว ก็ต้องติดตามนะคะว่าจะใช้กันอย่างรัดกุมแค่ไหน แล้วประชาชนจะได้ประโยชน์จริงๆหรือเปล่า
ดิฉันเองจะคอยติดตามนะคะว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 จะได้รับการขนานนามนโยบายเศรษฐกิจ โดยใช้คำไหน
ระหว่าง Abhisitonomics, Abhinomics หรือ Abhisitism
กูรูทางเศรษฐศาสตร์ช่วยบอกด้วยค่ะ
8 comments:
อยากรู้จังว่านโยบายประชานิยมที่อนุมัติเมื่อวานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ยั่งยืนและเสมอภาคมากน้อยแค่ไหน หรือแค่ระยะสั้นๆ แค่ 6 เดือน
ส่วนชื่อนโยบายที่คุณณัฏฐาตั้งประเด็นไว้นั้น เราว่าน่าจะใช้ Abhisitism ตามความคิดของนักภาษาศาสตร์บวกกับนักนิเทศศาสตร์น่ะนะ
happy birthday to tv thai
การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐตามแนวของ Kent ในเฉพาะนี้จะเป็นแนวทางประชานิยมหรือไม่ก็ไม่สำคัญมากนัก เพราะในแนว Kent มีเป้าหมายให้ตลาดสามารถทำงานได้ มีธุรกรรมเกิดขึ้นเพื่อทำให้ภาคการผลิตทำงานได้
ถ้าย้อนกลับไปที่ ปี 2541 สองปีหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ผมไปรับประทานกับข้าราชการท่านหนึ่ง พบว่าร้านขายก๊วยเตี๋ยวเขาเล่าย้อนหลังว่า ปีที่แล้ว เขาขายก๊วยเตี๋ยววันละ 10 ชาม คนทำงานส่วนใหญ่เอาข้าวจากบ้านมารับประทาน แน่นอนผมได้ขอสรุปว่า กระแสตื่นตระหนกมากเกินไป จนบอกให้ทุกคนประหยัด จนมากเกินไป กลไกตลาดไม่ทำงาน ดังนั้น นโบบายอาจจะส่งเสริมคนที่มีอาชีพค่อนข้างมั่นคง เช่น ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ใช้จ่ายอย่างปกติ หรือเพิ่มพิเศษให้พวกเขา อาทิ ซี 5 ลงมา ใช้จ่ายมากขึ้นก็ได้
สิ่งสำคัญอีกประการคือ การใช้งบประมาณที่หว่านลงไปควรส่งเสริมให้เกิดการยกระดับรายได้ เช่น โอทอป ของ ทักษิณ ควรจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มาจากทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อแปรรูปสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น แทนที่การทำไวน์ หรือน้ำยาล้างกันทั่วไป ตามการเร่งรัดของ กรมการพัฒนาชุมชน เป็นต้น
คุณณัฏฐาไปไหนเนี่ยไม่เห็นมาอัพเดท block เลย อยากดูสกู๊ปเกี่ยวกับชาวโรฮิงยาว่ามีเครือข่ายลักลอบเข้าเมืองอย่างไร แล้วเขาเข้ามาทำอะไร เพราะดูรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศแล้วรู้สึกว่าประเทศไทยคงต้องถูกรุมประณามจากนานาชาติและนักสิทธิมนุษยชนอย่างแน่นอน
อันที่จริงถ้าประเทศของเขาสามารถดูแลประชาชนของเขาได้ก็คงไม่มีใครอยากละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองมาหรอก ใจเขาใจเรานะ
ทำไมไม่เขียน blogล่ะคะ หลายวันแล้วนะ ออกจะคิดถึงอยู่(ถ้ามีรูปสวยๆของคนเขียนด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง)555
เมื่อคืนติดตามรายการของคุณตามปกติ เห็นว่ารายการออกจะกระจัดกระจายไปหน่อย...หมายถึง theme ของรายการน่ะ ทีแรกคิดว่าน่าจะเป็น theme ของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเสียอีก ปรากฏว่ามีเรื่องของเด็กมาแซมมา แถมเรื่องของนโยบายเศรษฐกิจของคุณกรณ์อีก เลยทำให้เรามองไม่ออกว่า theme ของรายการอยู่ที่ไหน เข้าใจอยู่ว่าเมื่อวานมีหลายประเด็นที่ต้องติดตาม แต่ก็...ผิดหวังเล็กๆ
ยังไงก็แล้วแต่เราชอบที่คุณณัฏฐาเอาการ์ตูนล้อเลียนของโอบามามาให้ดูนะ จะได้รู้ว่าสื่อนอกเขาคิดกับประธานาธิบดีของเขาอย่างไรบ้าง
อ้อ..พูดถึงการเมืองไทยเล็กน้อย คือเราขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ (เชิงข่าว)ทางการเมืองของผู้ชายสักเล็กน้อย เพราะเห็นว่าคุณทักษิณหรือใครก็ตาม..ทำไมต้องสร้างข่าวที่เชื่อมโยงกับผู้หญิงจังเลย เช่น หมวดเจี๊ยบ น้องลิเดีย แม้แต่ข่าวการหย่าของตัวเอง ไฮไลท์ของข่าวแทบทั้งหมดโฟกัสที่ผู้หญิง อาจเพราะข่าวเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงถูกมองว่าเป็นผู้ถูกกระทำ คนบริโภคข่าวก็รู้สึกเห็นใจผู้ตกเป็นข่าว มากกว่าจะมองอีกมุมที่ผู้หญิงกลายเป็น agenda ที่ถูก set โดยคนที่เล่นการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์เรื่องการสร้างภาพและอื่นๆ (ถ้าบอกว่าเราอยากจะเห็นสกู๊ปเรื่องนี้ ทีมงานจะถูกค่อนขอดว่าไม่เป็นกลางอีกหรือเปล่าน้อ)
อ้อ...คุณณัฏฐาใจร้ายมาก..ไม่รู้เหรอว่ามีคน (หลายคน) เขาคิดถึง มาหลอกให้เขาเข้ามาอ่านแล้วก็หายไป
klanghow
จริงด้วย หยั่งงี้ต้องเปิดเพลง"คนสวยใจดำ"ให้ฟังซะแล้ว
น่าจะให้ฟังเพลง "คนสวยใจดำ" มาตั้งนานแล้ว ขอบอก
Post a Comment