16.2.09

หว่านเงิน...กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก


ขณะที่รัฐบาลไทยยังไม่ชัดเจนว่าจะมีวิธีแจกเงิน 2000 บาท สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ให้แก่ผู้เข้าประกันตนในรูปแบบไหน

รายงานระบุว่ามีผู้เข้าข่ายที่จะได้รับเงิน 8-9 ล้านคน และในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ก็คงจะชัดเจนถึงรูปแบบในการให้

จุดประสงค์สำคัญก็เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ก็ต้องติดตามดูกันนะคะว่าจะกระตุ้นกันได้จริง หรือว่าพอผู้รับได้เงินไปแล้ว 2,000 บาทจะนำไปเก็บมากกว่า

ไม่เฉพาะประเทศไทยที่กำลังเลือกใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน ตามแนวทางประชานิยมแบบแจกเงินกันเห็นๆ รัฐบาลทั่วโลกกำลังหันมาใช้แนวทางนี้กันถ้วนหน้า เพราะในยุคข้าวยากหมากแพง ถ้าคนยิ่งไม่ยอมใช้จ่าย เศรษฐกิจก็จะยิ่งไม่โต ปัญหากำลังเป็นลูกโซ่

รัฐบาลของสหรัฐก็กำลังกระตุ้นเศรษฐกิจกันยกใหญ่ เพราะตอนนี้ผิดวิสัยทั่วไปของชาวอเมริกันที่นิยมไปช๊อปปิ้ง แต่ตอนนี้ยอดการออกของคนสหรัฐพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ที่ 3.6 เปอร์เซนต์ เรียกว่าค่อนข้างผิดจังหวะไปนิดนึง แต่จะไปโทษนักช๊อปก็ไม่ได้ค่ะ ก็ความมั่นใจไม่ค่อยมี ให้ไปเที่ยวซื้อของก็คงจะยาก

เมื่อต้นปีรัฐบาลไต้หวันก็แจกคูปองเงินสดกันเลยค่ะ เพื่อกระตุ้นกันแบบจะจะ โดยแจกเงินให้ประชากรชาวไต้หวัน 23 ล้านคน โดยได้คูปองเงินสดคนละ 109 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ เกือบ 3,500 บาท จะใช้คูปองกันได้ถึงเดือนพฤษภาคมนี้ค่ะ ถ้าไม่ใช้ก็จะหมดอายุ ถึงเดือนนั้นก็คงจะได้ทราบกันแล้วว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่

แต่ที่ได้ไปคุยกับผู้ประกอบการสังคม social entrepreneur ในสิงคโปร์ เขาบอกว่ายิ่งวิกฤตแย่ ยิ่งต้องคิดให้ออกว่าจะขายของให้กับคนจนกันอย่างไร เพราะคนจนฐานะแย่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็จะไม่กระทบกับปัญหาเศรษฐกิจมาก แต่ต้องแน่ใจว่าสินค้าดี มีคุณภาพ และราคาถูก และจะต้องช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนจนด้วย

แนวคิดเช่นนี้น่าสนใจไม่น้อย แต่จะทำได้จริงหรือ !?!

15.2.09

เยือนเมือง...ลอดช่อง







กลับมารายงานตัวแล้วนะคะที่ newsbeat blog บันทึกข่าวสารแห่งนี้ หายตัวไปเพื่อปฏิบัติภาระกิจสำคัญ เพื่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยเฉพาะค่ะ
ทีวีไทย มุ่งมั่น มาดหมายว่าอยากจะเป็นสะพานเชื่อมให้คนไทยได้เข้าใจเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน และให้เพื่อนบ้านได้เข้าใจไทย ผ่านสายตาของทีมผู้สื่อข่าวของทีวีไทย ที่ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ พูดคุย เก็บบรรยากาศ ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศในอาเซียนค่ะ
เห็นจั่วหัวข้อ newsbeat และ ภาพถ่ายแล้ว เชื่อว่าหลายท่านคุ้นเคยกันดี กับมุมต่างๆของสิงคโปร์ค่ะ
ใช่แล้วค่ะ ดิฉันไปเยือนสิงคโปร์ช่วง 4 วัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เป็นช่วงที่ผู้คนกำลังตื่นตัวกับวิกฤติเศรษฐกิจกันแบบสุดๆ โดยเฉพาะคนทำมาหากินกับนักท่องเที่ยว อย่างคนขับแท๊กซี่ และ ร้านอาหาร บ่นอุบไปตามๆกันค่ะ เป็นครั้งแรกในรอบอย่างน้อยก็สามทศวรรษ ที่รัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจะต้องติดลบ ชาวบ้านก็ใจหายค่ะ คนขับแท๊กซี่ ที่ปกติจะพูด Singlish แบบกระโชกโฮกฮาก คราวนี้ดูยิ้ม ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันหวานเป็นพิเศษ แถมยังชวนคุยนู่น คุยนี่ เพื่อกระชับมิตรกับผู้โดยสาร แล้วบอกว่าให้กลับมาเยือนอีก
คราวที่แล้วที่ดิฉันได้ไปสิงคโปร์ ก็เมื่อ 7 ปีก่อน
มองเผินๆก็แทบไม่ต่างจากเดิมค่ะ บ้านเมืองเรียบร้อย สะอาด มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนต้นไม้จะมากขึ้น เกาะเล็กๆแห่งนี้เนรมิตทุกอย่างเสียจนต้นไม้ร่มรื่น ราวกับนั่งรถอยู่ในเกาะสวรรค์ คอนโดที่อยู่อาศัยตั้งอยู่เรียงราย ไม่เห็นหาบเร่ แผงลอยปรากฎโฉม ต่างกับของไทยอย่างสิ้นเชิง อ้อ ที่หน้าเกาะเซนโตซ่า กำลังก่อสร้างเมืองใหม่และคาสิโน ขนาดยักษ์ รองรับกลุ่มผู้ชอบเล่นการพนันทั้งหลาย
ชาวสิงคโปร์บางคนถึงกับบอกว่า อยากให้เมืองไร้ระเบียบแบบกรุงเทพบ้าง จะได้เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้คน (ฮา).... ไม่แน่ใจว่าพูดเพราะเอาใจคนไทยอย่างเราหรือเปล่า
คนสิงคโปร์ที่ดิฉันได้ไปพูดคุยด้วยส่วนมากเลย สุภาพ และเป็นมิตรมากค่ะ ยิ่งเด็กๆนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พอบอกว่าขอสัมภาษณ์ออกทีวี ไม่มีท่าทีอิดออด และพร้อมที่จะพูดคุยผ่านกล้อง ระดับของการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองอาจจะไม่หนักหน่วงนัก ทำให้รู้สึกว่า ระบบการเซ็นเซอร์ตัวเองค่อนข้างสูงทีเดียว อีกด้านหนึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจในรัฐบาลของพรรคกิจประชาชน People's Action Party ก็สูงมากค่ะ
มีหลายประเด็น และหลากความเห็นที่ได้ไปคุยมา แล้วจะมาเล่าเพิ่มเติมนะคะ และอย่าลืมติดตามรายงานพิเศษ จากหลากประเทศอาเซียน ในช่วงข่าวภาคค่ำ รายการที่นี่ ทีวีไทย และช่วงอื่นๆ ของทีวีไทย ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปค่ะ
ท่านใดเคยไปเยือนสิงคโปร์มาแล้ว เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ


1.2.09

ปิดฉาก World Economic Forum ที่ดาวอส


คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว หลังจากเข้าร่วมประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ครั้งที่ 39 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นการประชุมกันระดับโลกท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ แต่ก็คุมค่าเพราะหนึ่งปีมีหน ที่ผู้นำทั้งในวงการธุรกิจ การเมือง กลุ่มนักเคลื่อนไหว และ ศิลปินดังๆ ต่างก็ไปเข้าร่วม

อย่างน้อยอาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เป็นครั้งแรกสำหรับผู้นำไทยที่ไปร่วมงานนนี้ค่ะ และนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ก็ได้พูดถึงเรื่องศักยภาพของไทยในการเป็นผู้ผลิตอาหารโลก และได้พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

น่าจะเป็นการตอกย้ำศักยภาพของไทยได้อย่างชัดเจน กับความเป็นผู้นำในการผลิตอาหารป้อนให้กับชาวโลก ยิ่งมีภัยเรื่องสงคราม สิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน รวมถึงการแข่งขันทางเศรษฐกิจ อาหารก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆทุกขณะ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเลวร้ายแค่ไหน แต่ปากบนโลกใบนี้ก็ยังต้องการอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันทุกวัน

จากประชากรทั้งหมดบนโลก 6,750 ล้านคน มีประชากรในเมืองถึงครึ่งหรือประมาณ 3,300 ล้านคน ประชากรในเมืองเหล่านี้อาศัยอาหารที่ได้มาจากการทำการเกษตร ในจุดต่างๆของโลก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และจำนวนประชากรที่กำลังสูงขึ้นๆ เป็นไปได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดปัญหาขาดแคลนอาหารหนักขึ้นไปอีก

ที่จริงปัญหานี้ก็เป็นประเด็นอยู่แล้วในปัจจุบันค่ะ เพราะโดยประมาณ 2,000 ล้านคนทั่วโลก กำลังขาดความมั่นคงทางอาหาร

เรื่อง food security กำลังเป็นประเด็นใหญ่ เพราะคนจะแย่งกันอยู่แย่งกันกินมากขึ้น ประเทศไทยยังอยู่ในสถานะที่ดีหน่อยกับความเป็นประเทศเกษตรกรรม ถือได้ว่าเป็นครัวโลกประเทศหนึ่ง แต่ก็จะประมาทไม่ได้ค่ะ เพราะคนไทยก็กำลังจ่ายค่าอาหารกันแพงขึ้นๆ เช่นกัน