

อย่างน้อยก็ 3-4 สัปดาห์แล้วค่ะ ที่นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พาดพิงถึงทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ที่ออกอากาศทางช่อง NBT ทุกเช้าวันอาทิตย์
วันอาทิตย์นี้ คุณสมัครพูดถึง “ช่อง 6 ที่ได้งบปีละ 2,000 ล้านบาท” และแสดงท่าทีไม่พอใจรายงานที่ออกอากาศทางทีวีไทย เรื่องการประท้วงของเด็กนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะต่อการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยบอกว่าอย่างไรก็ต้องสร้างอาคารรัฐสภาและไม่ใช่เรื่องที่เด็กๆจะมาประท้วงเพราะโรงเรียนจะย้ายออกไปไกลเพียง 1,700 เมตรจากที่ตั้งในปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรีคงจะลืมไปว่า นักเรียนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกทางประชาธิปไตย เพราะนักเรียนไม่ได้รับการปรึกษาหารือก่อนเลยเรื่องการเปิดทางให้สร้างอาคารรัฐสภาใหม่บนพื้นที่ของโรงเรียน
ที่สำคัญทีวีไทยไม่ได้สร้างสถานการณ์ หรือไม่ได้จัดฉากให้นักเรียนประท้วง แต่ทีวีไทยเพียงทำหน้าที่รายงานข่าว สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น ตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะ
นอกจากนั้น คุณสมัคร ยังกล่าวถึงรายการ “ความจริงวันนี้” ทางช่อง NBT ว่าเป็นรายการที่มีคุณภาพ คลาสสิค ผิดกับช่อง ASTV ที่มีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล
ตอนปิดท้ายรายการสนทนาประสาสมัคร นายกรัฐมตรียังพูดด้วยว่าเมื่อมีสถานีอย่าง ASTV ก็จำเป็นที่จะต้องมีการตอบโต้จากทางรัฐบาล จึงน่าจะสมเหตุสมผลที่มีรายการความจริงวันนี้ และมีรายการสนทนาประสาสมัครทุกวันอาทิตย์
คุณสมัครอาจจะลืมไปอีกเช่นกันว่าช่อง NBT นั้นเป็นช่องของ “รัฐ” (ซึ่งหมายถึงของประชาชนไม่ใช่รัฐบาล) ที่จะต้องทำหน้าที่สื่ออย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรจะเป็นพื้นที่ที่ให้รัฐบาลหรือผู้สนับสนุนรัฐบาลนำมาโจมตีกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับตน
เมื่อคุณสมัครพูดถึงความไม่ชอบมาพากลของ ASTV ซึ่งเป็นสถานีเคเบิล จะไม่สมควรกว่าหรือที่จะใช้สถานีพีทีวี ซึ่งเป็นสถานีดาวเทียมเช่นเดียวกับ ASTV และไม่ได้ใช้ภาษีประชาชน ตอบโต้ แทนที่จะมาใช้เวลาและพื้นที่ของสื่อของรัฐอย่าง เอ็นบีที มาเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว
น่าสงสัยนะคะว่านายกรัฐมนตรี เข้าใจอุดมการณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะหรือไม่ เพราะถ้าหากคุณสมัครเข้าใจก็จะรู้ว่าทุกสังคมประชาธิปไตยต้องการให้มีสื่อโทรทัศน์ที่ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของนักการเมืองและอิทธิพลทางธุรกิจ เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
การก่อเกิดของไทยพีบีเอส อาจจะไม่เป็นที่พอใจของนักการเมืองที่ต้องการสั่งสื่อทีวีให้ซ้ายหันขวาหันได้ อย่างที่เคยเป็นมา แต่ไทยพีบีเอส เมื่อทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ก็จะเป็นเครื่องมืออันสำคัญของประชาชนในการติดตามข่าวสารและเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
และนี่คือข้อแตกต่างระหว่างไทยพีบีเอสกับช่องเอ็นบีที อย่างชัดเจนที่สุด