24.8.08

อังกฤษ รับไม้ต่อจากจีน เจ้าภาพโอลิมปิคปี 2012

ตอนนี้ยืนยันแล้วนะคะว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษกอร์ดอน บราวน์ ภริยา และลูกชายสองคน ไปอยู่ที่กรุงปักกิ่งแล้ว เพื่อเตรียมร่วมพิธีปิดโอลิมปิคเกมส์ โดยอังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดงานในอีก 4 ปีข้างหน้า

สายสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องพ่ายแพ้ต่อกระแสต่อต้านจากการเมืองภายในอังกฤษเองค่ะ

ก่อนหน้านี้พรรคฝ่ายค้านของอังกฤษส่งจดหมายถึงนายบราวน์ บอกว่าไม่เห็นด้วยที่ผู้นำอังกฤษจะไปร่วมงานที่ประเทศจีน เพราะเห็นว่าจีนมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน
ผู้นำอังกฤษก็คงตัดสินใจลำบากค่ะงานนี้ ไม่ไปกรุงปักกิ่งก็จะดูไม่ให้เกียรติจีนมากเกินไปหน่อย บราวน์เองบอกว่า ต้องการ 'reengagement' หรือ 'กลับไปมีส่วนร่วม' กับจีน
เชื่อว่าอังกฤษเองก็คงจะหนาวๆร้อนๆกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งหน้า แต่นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน ที่จะมาร่วมในพิธีปิดด้วยบอกด้วยความเชื่อมั่นว่า อังกฤษไม่กลัวหรอกที่เห็นพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่ของจีน และในพิธีปิดได้เตรียมอุ่นเครื่องโดยจะมีเวลาให้ได้แสดง 8 นาที เพื่อเป็นน้ำจิ้ม ก่อนที่จะแสดงจริงในปี 2012 ก็ต้องดูนะคะที่ว่าจะนำรถเมล์สองชั้นสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์เข้ามาในสนามกีฬารังนกในพิธีปิดจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน แล้วคุณพี่เบคแฮม อดีตกัปตันทีมชาติจะเข้าไปเตะบอล เพื่อเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ในการรับเป็นเจ้าภาพต่อค่ะ
คืนนี้หมายมั่นไว้แล้วว่าจะต้องดูพิธีปิดให้ได้ค่ะ

18.8.08

นักประชาสัมพันธ์ระดับโลก ผู้จะ 'ปรุง' ภาพลักษณ์ อดีตผู้นำไทย

ตอนนี้สื่อของอังกฤษ เกาะติดเรื่องราว
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย พันตำรวจโททักษิณ
ชินวัตร กันในหลายแง่มุมค่ะ

หนังสือพิมพ์ the independent ของอังกฤษก็เกาะติดเรื่องนี้หลายวันแล้วค่ะ

มุมหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันมากก็คือเรื่องว่าจ้างนักประชาสัมพันธ์ชั้นนำมาดูแลทั้งภาพลักษณ์ และการสื่อสารกับสื่อมวลชน

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักการเมืองจะว่าจ้างนักประชาสัมพันธ์ค่ะ โดยเฉพาะในสังคมตะวันตกนี่ถือว่าเรื่องธรรมดามากที่จะต้องควบคุมข่าวสารที่จะเผยแพร่ผ่านสื่อ

Lord Bell ที่มีกระแสข่าวว่าคุณทักษิณกำลังเจรจาโดยตรงนั้น มีกระแสว่าค่าตัวแพงลิ่ว และเคยสร้างผลงานมาแล้วกับการให้คำแนะนำหญิงเหล็ก 'iron lady' นางมากาเร็ต แธทเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดี ในเรื่องเสื้อ ผ้า หน้า ผม และการให้สัมภาษณ์กับสื่อ และช่วยให้ชนะการเลือกตั้งทั่วไปถึงสามสมัย

The Independent รายงานว่า คุณทักษิณ ต้องการให้ Bell Pottinger North เข้ามาดูแลเรื่องความเป็นประธานสโมสร Manchester City คุณทักษิณก็คงจะห่วงภาพพจน์ตนเองล่ะค่ะ ยิ่งมีข่าวว่าแฟนๆไม่ค่อยชอบหน้า แถมผู้จัดการทีมอย่างมาร์ค ฮิว ก็ไม่ค่อยปลื้มเท่าไร

งานนี้ต้องพึ่งนักประชาสัมพันธ์ระดับโลก เพื่อโฆษณาทั้งภาพลักษณ์ ทั้งวิสัยทัศน์ ให้กับแฟนๆ เรือใบสีฟ้า

กรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีของไทยคนนี้จะยังถูกจับตามองโดยสื่อไทย และเทศ ไปอีกสักพักใหญ่ๆล่ะค่ะ เพราะการขอส่งตัวกลับมาเมืองไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนคงใกล้จะเริ่มต้น

คงจะได้เห็นชั้นเชิง การชิงไหวชิงพริบ ของ ทางการไทย นักกฎหมายไทย นักประชาสัมพันธ์ระดับโลก และอดีตนักการเมืองผู้โดนหมายศาลผู้นี้ ตามกันให้ดีค่ะ

17.8.08

สื่อสาธารณะ กับ สื่อของ "รัฐ"

อย่างน้อยก็ 3-4 สัปดาห์แล้วค่ะ ที่นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พาดพิงถึงทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ที่ออกอากาศทางช่อง NBT ทุกเช้าวันอาทิตย์

วันอาทิตย์นี้ คุณสมัครพูดถึง “ช่อง 6 ที่ได้งบปีละ 2,000 ล้านบาท” และแสดงท่าทีไม่พอใจรายงานที่ออกอากาศทางทีวีไทย เรื่องการประท้วงของเด็กนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะต่อการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยบอกว่าอย่างไรก็ต้องสร้างอาคารรัฐสภาและไม่ใช่เรื่องที่เด็กๆจะมาประท้วงเพราะโรงเรียนจะย้ายออกไปไกลเพียง 1,700 เมตรจากที่ตั้งในปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรีคงจะลืมไปว่า นักเรียนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกทางประชาธิปไตย เพราะนักเรียนไม่ได้รับการปรึกษาหารือก่อนเลยเรื่องการเปิดทางให้สร้างอาคารรัฐสภาใหม่บนพื้นที่ของโรงเรียน

ที่สำคัญทีวีไทยไม่ได้สร้างสถานการณ์ หรือไม่ได้จัดฉากให้นักเรียนประท้วง แต่ทีวีไทยเพียงทำหน้าที่รายงานข่าว สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น ตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะ

นอกจากนั้น คุณสมัคร ยังกล่าวถึงรายการ “ความจริงวันนี้” ทางช่อง NBT ว่าเป็นรายการที่มีคุณภาพ คลาสสิค ผิดกับช่อง ASTV ที่มีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล

ตอนปิดท้ายรายการสนทนาประสาสมัคร นายกรัฐมตรียังพูดด้วยว่าเมื่อมีสถานีอย่าง ASTV ก็จำเป็นที่จะต้องมีการตอบโต้จากทางรัฐบาล จึงน่าจะสมเหตุสมผลที่มีรายการความจริงวันนี้ และมีรายการสนทนาประสาสมัครทุกวันอาทิตย์

คุณสมัครอาจจะลืมไปอีกเช่นกันว่าช่อง NBT นั้นเป็นช่องของ “รัฐ” (ซึ่งหมายถึงของประชาชนไม่ใช่รัฐบาล) ที่จะต้องทำหน้าที่สื่ออย่างตรงไปตรงมา และไม่ควรจะเป็นพื้นที่ที่ให้รัฐบาลหรือผู้สนับสนุนรัฐบาลนำมาโจมตีกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับตน

เมื่อคุณสมัครพูดถึงความไม่ชอบมาพากลของ ASTV ซึ่งเป็นสถานีเคเบิล จะไม่สมควรกว่าหรือที่จะใช้สถานีพีทีวี ซึ่งเป็นสถานีดาวเทียมเช่นเดียวกับ ASTV และไม่ได้ใช้ภาษีประชาชน ตอบโต้ แทนที่จะมาใช้เวลาและพื้นที่ของสื่อของรัฐอย่าง เอ็นบีที มาเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว

น่าสงสัยนะคะว่านายกรัฐมนตรี เข้าใจอุดมการณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะหรือไม่ เพราะถ้าหากคุณสมัครเข้าใจก็จะรู้ว่าทุกสังคมประชาธิปไตยต้องการให้มีสื่อโทรทัศน์ที่ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของนักการเมืองและอิทธิพลทางธุรกิจ เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

การก่อเกิดของไทยพีบีเอส อาจจะไม่เป็นที่พอใจของนักการเมืองที่ต้องการสั่งสื่อทีวีให้ซ้ายหันขวาหันได้ อย่างที่เคยเป็นมา แต่ไทยพีบีเอส เมื่อทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ก็จะเป็นเครื่องมืออันสำคัญของประชาชนในการติดตามข่าวสารและเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศ

และนี่คือข้อแตกต่างระหว่างไทยพีบีเอสกับช่องเอ็นบีที อย่างชัดเจนที่สุด















15.8.08

มีลุ้นกับ...ประตู


เกิดเหตุฉุกละหุกกับประตู ก่อนออกอากาศรายการที่นี่ทีวีไทย เมื่อคืนนี้ค่ะ
ทุกคืนก่อนออกรายการ ดิฉันต้องหาเวลาอยู่เงียบๆ ทำสมาธิ เตรียมบท ทำความเข้าใจกับเรื่องราวที่จะนำเสนอในห้องทำงาน (ของ บก.บห. ที่กรุณาอนุเคราะห์สถานที่)
ทำอย่างนี้ทุกวัน กับ 2 เดือนครึ่งของการออกอากาศ
มามีเรื่องให้ต้องลุ้นกันก็เมื่อคืนนี้ล่ะคะ กับเวลาสองทุ่ม 40 นาที ที่ดิฉันจะต้องเดินออกจากห้อง เพื่อไปเข้าห้องส่ง
ปรากฏว่าเปิดประตูไม่ออก ?!? เปิดอย่างไรก็ไม่ออก ลองอยู่คนเดียวอยู่สักพัก บิดซ้าย บิดขวา ลูกบิดก็ไม่ทำงาน ดูแล้วเหมือนประตูจะล๊อคไปเองโดยอัตโนมัติ หรือล๊อคประตูเสีย ก็ไม่แน่ใจ
ดิฉันล่ะเริ่มหวั่นใจ กลัวจะไปเข้ารายการไม่ทัน คิดกังวลไปต่างๆ นาๆ ว่า ถ้าไม่ทันจะทำอย่างไร ตอนปิดก็ปิดปกติเหมือนทุกคืน
โชคยังดี๊ดีที่ติดโทรศัพท์มือถือไว้ด้วย เลยต้องโทรหาทีมงาน ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นึกสภาพว่าถ้าเกิดขึ้นตอนกลางวันก็น่าจะโล่งใจกว่านี้ เพราะอาจจะตามช่างกุญแจได้ทัน
ทีมงานแข็งขันมากค่ะ ได้ยินทั้งเสียงพี่ยาม พี่แม่บ้าน โปรดิวเซอร์ ทั้งบรรณาธิการ ลุ้นกันยกใหญ่ พี่ยามต้องไปค้นพวงกุญแจมาหลายสิบดอก ลองที่ละดอก ทีละดอก
ตัวดิฉันก็ลองบิดลูกบิดจากข้างในไปด้วย พร้อมกับไหว้พระ สวดมนต์ไปด้วยในตัว ตั้งสมาธิว่าขอให้ออกไปได้เถอะ สาธุ สาธุ สาธุ
อึดใจ....อึดใจเดียวเท่านั้น (ที่จริงลุ้นกันอยู่ร่วม 10 นาที) เสียงประตูก็คลิ๊ก เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ ที่ได้เห็นหน้าเพื่อนร่วมงานกันอีกครั้ง
ถอนหายใจกันอย่างโล่งอกค่ะ รอดตัวไปแบบฉิวเฉียดได้ขึ้นไปห้องส่งทันเวลา!
ลูกบิดประตูก็กลายเป็นบทเรียนสำคัญ ว่าต้องระวังกันทุกจังหวะ สำหรับการออกรายการแบบสดๆทุกคืน จะปิดจะเปิดประตูไหน ก็ต้องดูให้ดี มิเช่นนั้นจะต้องลุ้นกันหัวใจเต้นแบบสุดๆค่ะ
Anything can happen....and you never know...จริงๆค่ะงานนี้

10.8.08

คุยกับ "เคนโป" เคล็ดลับสร้างความสุข




วันนี้ ดิฉันมีโอกาสได้คุยกับพระอาจารย์ Khenpo Phuntsok Tashi โอกาสมาเยือนเมืองไทยค่ะ


คลิ๊กชม vdo clip ข้างบน ถอดคำสนทนา Khenpo (พระอาจารย์) พระชาวภูฏาน


ถามท่านเรื่องเคล็ดลับของการสร้างความสุขให้กับชีวิต และคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิค่ะ


เคนโป บวชมาตั้งแต่อายุ 26 ปี ตอนนี้รวมแล้วก็บวชได้ 17 ปีแล้ว ท่านอารมณ์ดี และพูดคุยอย่างเป็นกันเองมากค่ะ ท่านให้คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือต้องเสริมสร้าง ความไม่รุนแรง ความพึงพอใจในชีวิตและ สันติภาพในจิตใจ เป็นแนวทางของ Gross National Happiness (GNH) ที่ภูฏาน ผลักดันมา 35 ปีแล้ว และตอนนี้หลายๆชาติได้เริ่มเข้าไปดูงานแล้วรวมทั้งตัวแทนจากประเทศไทยด้วย


ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะภูฏาน มีภูมิประเทศที่เอื้อต่อการทำสมาธิ เพราะเต็มไปด้วยความสงบแห่งขุนเขา ผู้คนก็ไม่มากค่ะ 700,000 คนทั้งประเทศ


ส่วนหนึ่งที่ผู้คนอารมณ์ดีน่าจะเป็นเพราะได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา พระกับคนภูฏานไม่ได้แยกจากกันค่ะ จะเห็นพระอยู่ทั่วไปในประเทศและทำกิจกรรมต่างๆกับชาวบ้านในชีวิตประจำวันได้ อย่างเช่นสอนหนังสือให้คนขับรถแท๊กซี่ด้วย


เคนโป บอกว่าแม่ของท่านอายุ 73 ปีแล้ว แต่ยังไหว้พระแบบอัษฎางคประดิษฐ์ (prostration) คือเหยียดตัวราบ แล้วให้อวัยวะ 8 อย่างแตะพื้น คือหน้าผาก แขน จมูก ฝ่ามือ ข้อศอก ลำตัว หัวเข่า และปลายเท้า แล้วลุกขึ้นมาใหม่โดยไม่ยกเท้าจากพื้น แม่ของเคนโป ทำอย่างนี้ทุกเช้าวันละ 300 ครั้ง

ส่วนเคนโป เคยทำมาแล้ว 200,000 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน


เป็นการฝึกสมาธิและออกกำลังกายไปในตัวอย่างดีเยี่ยมค่ะ


เคนโป บอกว่าอยากจะลองทำท่านี้จากสนามบินของไทยติดต่อกันสัก 2 ชั่วโมง!!!! สงสัยจะยากแล้วค่ะ ภูมิศาสตร์ไม่อำนวยค่ะ



สุดทึ่ง พิธีเปิดโอลิมปิค 2008





ผ่านพ้นไปแล้วนะคะ สำหรับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคสุดแสนยิ่งใหญ่กับ "One World One Dream" งานนี้เจ้าภาพคงจะยิ้มแก้มปริไปอีกนานหลายๆปีค่ะ การแสดงในวันเปิดสมกับที่อุบไว้เป็นความลับจริงๆ คนดูต้องนั่งเฝ้าหน้าจอเพราะไม่อยากจะคลาดสายตากับบรรยากาศมหกรรมกีฬาอันอลังการแห่งมวลมนุษยชาติ

ไม่เสียชื่อ จาง อี้ โหม่ว ผู้กำกับชาวจีนชื่อดังที่อยู่เบื้องหลังการแสดง ดิฉันชื่นชอบภาพยนต์ของผู้กำกับท่านนี้มากๆค่ะ พยายามตามดูเกือบทุกเรื่อง ที่โปรดปรานมากก็เรื่อง Heroes ชอบการถ่ายทำแบบเนียนๆ เน้นสีสันจัดจ้าน และความละเมียดละไมของการเล่าเรื่อง

ขอสารภาพว่าไม่ได้นั่งดูพิธีเปิดตลอดหรอกค่ะ พลาดไปหลายช่วง เพราะต้อง

เตรียมรายการไปด้วย แต่ก็พยายามหันไปมองจอทีวีบ้าง กลัวจะพลาดช่างสำคัญๆ

ยังดีค่ะที่ไม่พลาดตอนจุดคบเพลิงโอลิมปิคตอนสุดท้าย เห็นคุณ Li Ning เหาะอยู่บนสเตเดี้ยมรังนก แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ กับคุณพี่จางอี้โหม่ว ที่กำกับพิธีเปิดกีฬา ซะเหมือนกับหนังกำลังภายในเลย

ต้องขอย้อนกลับไปนั่งดูพิธีเปิดแบบเต็มๆอีกรอบแล้วล่ะค่ะ ไม่อยากพลาดของดีระดับโลก จะได้เป็นบุญตาไปอีกนานๆ








8.8.08

Aung Zaw นักเคลื่อนไหวพม่า กับ George Walker Bush

ต้องมองกันไปล่วงหน้าค่ะ ว่าแต่ละวันจะ
รายงานพิเศษเรื่องอะไร จะต้องสัมภาษณ์ใคร และยิ่งถ้ามีงานใหญ่ระดับนานาชาติ
ที่ผู้นำสหรัฐและภริยา มาเยือนไทยช่วง 6-7 สิงหาคมนี้ กระจิบข่าวทั้งหลายต้องตามหากันค่ะว่า ประธานาธิบดีสหรัฐจะไปไหน และจะคุยกับใคร

มาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า พม่า กลายเป็นเรื่องสำคัญมากๆ โดยเฉพาะสำหรับลอร์ร่า บุช ที่สนใจและเห็นใจพม่ามากเป็นพิเศษ

ในขณะที่ประธานาธิบดีบุช มีกำหนดถกกับนักเคลื่อนไหวพม่า 11 คนที่สถานทูตสหรัฐ ช่วงกลางวันวันที่ 7 สิงหาคม โชคดีมากค่ะที่ดิฉันเพิ่งได้พบกับออง ซอ บรรณาธิการอิระวดี (คนในภาพ) เมื่อสัปดาห์ก่อน และคุณออง ซอ บอกว่าจะได้เจอกับบุช ดิฉันเลยถือโอกาสนัดแนะล่วงหน้า เพื่อซักถามเพิ่มเติมบรรยากาศการหารือกับผู้นำสหรัฐ

ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะที่จะได้นั่งโต๊ะ รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกับผู้นำระดับโลกอย่างนี้ แต่นักเคลื่อนไหวก็มากัน 9 คนแทนที่จะเป็น 11 คน

ออง ซอ ได้นั่งติดประนาธิบดีสหรัฐด้วย เขาชื่นชมจอร์จ บุช มากเป็นพิเศษ เพราะไม่คิดว่าผู้นำมหาอำนาจอย่างคุณบุช จะเป็นกันเองมาก บุชสร้างบรรยากาศสบายๆ ทำให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะไม่เกร็ง เรียกว่าเป็นเสน่ห์ส่วนตัวของผู้นำสหรัฐทีเดียว

งานนี้จอร์จ บุช ได้คะแนนนิยมไปเยอะค่ะ แต่มุขที่ดิฉันคิดว่าบุชโกยความประทับใจไปได้มาก ก็ตอนที่ออกตัวตั้งแต่เริ่มแรกเลยว่า "คราวนี้ผมพูดชื่อ ออง ซาน ซูจี ไม่ผิดแล้วนะ"

เรื่องชื่ออองซาน ซูจี กลายเป็นประเด็นระดับโลก คราวที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เมื่อ 5 ปีก่อน เพราะงานนั้นประธานาธิบดีบุช พูดชื่อผู้นำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่าว่า "ออง ซี ซูจาน" เลยกลายเป็นประเด็นที่ถูกล้อมาจนวันนี้ค่ะ

เมื่อช่วงเช้าของการแถลงยุทธศาสตร์สหรัฐกับเอเชีย ก็ไม่วายโดนแซวว่าพูดคำว่า "เสรีไทย" เป็น "ซอร์รี่ไทย"

โถ จับผิดผู้นำสหรัฐกันจริง อย่างน้อยคราวนี้พูดคำว่า "สวัสดีครับ" ชัดล่ะค่ะ (ฮา) ^-^

6.8.08

ลอร์รา บุช กระตือรือร้นเรื่องพม่า



Laura Bush กับ พม่า

คลิ๊กชม วีดีโอเรื่องเกี่ยวกับพม่า และคำให้สัมภาษณ์ของลอร์ร่า บุช สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ภริยาของประธานาธิบดีบุชค่ะ เป็นคลิปวีดีโอจาก Voice of America (VOA) ที่ทำขึ้นหลังพายุไซโคลน นาร์กิส ถล่มพม่าไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม


ลอร์ร่า บุช สนอกสนใจประเด็นพม่า และให้ความสำคัญอย่างจริงจัง อาจจะเป็นเพราะด้วยความเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ ที่ต้องโดนจับตามอง และอยู่ในแวดวงการเมืองนานเกือบ 8 ปี ในช่วงที่สามีเป็นผู้นำประเทศ ความที่อยู่ในวังวนการเมืองอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลอร์ร่า บุช เห็นใจนางออง ซาน ซูจี นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่าเป็นอย่างมาก


สำหรับดิฉัน การเคลื่อนไหวของลอร์ร่า บุช มีความสำคัญมากในเชิงสัญลักษณ์ และอาจจะเรียกได้ว่าเธอ "ขโมยซีน" จากสามี ไปได้ในช่วงปีนี้ เพราะความแข็งขันในเรื่องพม่า

วันพฤหัสบดีนี้ ลอร์ร่า บุช จะไปพบกับ คุณหมอซินเธีย หม่อง ผู้ดูแลผู้อพยพชาวพม่า ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตอนนี้นักเคลื่อนไหวชาวพม่าก็ฝากความหวังว่าการเยือนไทยครั้งนี้จะช่วยยกระดับเรื่องพม่าในประชาคมโลก เพื่อให้ร่วมกันกดดันรัฐบาลทหารพม่ามากขึ้นค่ะ

นอกรอบ ที่นี่...ทีวีไทย

เป็นความสนุกและท้าทายกับการทำงานในแต่ละวันมากๆๆๆ ค่ะ เรื่องใหญ่และหัวใจของแต่ละวันก็คือ "ประเด็น" ในการนำเสนอ คำว่าประเด็นนี่สำคัญมาก เพราะเป็นคำถามแรกที่ บรรณาธิการจะต้องถามนักข่าวก่อนเสมอว่า ประเด็นคืออะไร หลายครั้งที่เล่ารายละเอียดกันได้ แต่พอถามถึงประเด็น หรือ "หัวใจ" ของเรื่อง แล้วเกิดอาการหลงทาง ตอบกันไม่ถูก

แต่ละคืน ทีมงานก็จะต้องคิดถึงประเด็นในการนำเสนอก่อนค่ะ และจะต้องพยายามขยายความจากข่าวประจำวัน เพราะทีนี่ ทีวีไทย ตั้งเป้าว่าจะต้องอธิบายที่มาที่ไปของประเด็นร้อนในแต่ละวัน

ตรงนี้ล่ะคะที่เป็นความยาก และท้าทาย กับแต่ละวัน

อย่างวันนี้ก็ต้องพยายามมองกันไปล่วงหน้า เพราะว่าผู้นำสหรัฐกับภริยากำลังจะมาถึงเมืองไทย เป็นงานใหญ่ระดับระหว่างประเทศที่ไม่ได้มีผู้นำระดับโลกอย่างนี้มาเยือนไทยบ่อยๆ ก็ต้องคิดกันล่วงหน้าล่ะคะ ว่าจะนำเสนออย่างไรเพื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ชมให้มากที่สุด

ทั้งจอร์จ บุช กับ ลอร์ร่า บุช เป็นบุคคลที่ผู้คนให้ความสนใจอยู่แล้ว ทีมงานก็ต้องมานึกถึงรูปแบบการนำเสนอว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องมีสีสัน และได้สาระมากกว่าที่จะเล่าว่า เขามาแล้วจะไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ก็ต้องพยายามตอบกันต่อให้ได้ว่าอย่างไร และ ทำไม

นี่ละคะ คำถามที่ต้องพยายามหาคำตอบกับ "อย่างไร" และ "ทำไม"

แต่ยังไม่พอนะคะ ต้องถามต่อด้วยว่า "เกี่ยวกับคนไทยตรงไหน"

ตอบคำถามแนวนี้ได้ ก็พอจะเป็นที่มาของ "ประเด็น" ได้บ้างแล้วล่ะค่ะ

5.8.08

Grand Theft Auto (GTA) เกมเจ้าปัญหา?

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีกับเกมคอมพิวเตอร์ off-line, Grand Theft Auto (GTA) พอเด็กวัยรุ่นวัย 19 ปี ยอมรับว่าต้องการเลียนแบบเนื้อหาในเกม เลยฆ่าคนขับรถแท๊กซี่

เกิดคำถามตามมามากมายค่ะว่า เนื้อหาในเกมที่แสดงความรุนแรง กลายเป็นตัวเร้าสำคัญที่ทำให้เด็กวัยรุ่นตัดสินใจก่อเหตุได้ขนาดนี้หรือ

แต่แพทย์เองมองว่าเรื่องนี้จะไปโทษเกม อย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะว่ามีปัจจัยอื่นๆอีกมากที่กระตุ้นให้เด็กก่อความรุนแรง อาจจะเป็นเพราะปัญหากดดันภายในครอบครัว ที่เด็กหาทางออกไม่ได้ หรือคนรอบข้างไม่เข้าใจ

ทางออกที่วิเคราะห์กันก็มีหลายทางค่ะ อย่างเช่นพยายามหาทางกำจัดเกมเถื่อน เพราะ GTA เป็นเกมที่เรียกว่า off-line คือขายกันเป็นแผ่นๆแล้วต้องนำเกมไปเล่นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงจะใช้ได้ เลยต้องเร่งกำจัดเกมเถื่อน

อีกด้านมองว่าต้องจัดอันดับเกม หรือ Game Rating ที่สหรัฐเกม GTA นี่ได้อันดับ AO (Adult Only) เด็กๆไปซื้อเองไม่ได้นะคะ

ถ้ากำจัดเกมเถื่อน พร้อมกับจัดอันดับ ก็อาจจะแก้ปัญหาไปได้พร้อมๆกันในคราวเดียว

ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะเอาจริงเอาจังแค่ไหนด้วย

แต่จะผลักภาระให้ภาครัฐ และตำรวจอย่างเดียวก็คงไม่พอค่ะ เพราะวิจารณญาณของวัยรุ่น และการดูแลของผู้ปกครองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

3.8.08

ไทย-สหรัฐ-จีน ความสัมพันธ์ที่ต้องสานต่อ



ดิฉันมานั่งนึกๆดูว่าเวลาพูดถึงสหรัฐอเมริกาจะคิดถึงอะไรก่อน สำหรับตัวเองก็หนีไม่พ้น หนังฮอลลีวู้ดกระแสหลัก ภาพยนตร์ซีรีส์ที่ฮิตติดลมบนอย่าง sex and the city, และ 24 กาแฟอย่าง Starbucks และสื่อดังๆอย่าง CBS, CNN,HBO และอื่นๆอีกมากมายที่เป็น 'สินค้า' ส่งออกจากสหรัฐที่เข้าไปครองใจคนไทยและทั่วโลกได้อย่างจัง

นี่ยังไม่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ นครใหญ่ๆอย่าง New York, San Francisco, และ LA ที่โกยเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไทยได้อย่างมากโขในแต่ละปี

นอกจากสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีปริมาณการค้าการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐที่เข้ามาในไทย และสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทยด้วย


มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์ค่ะ สำหรับไทยและสหรัฐ เพราะทั้งสองประเทศได้ทำสนธิสัญญาทางการค้ากันมาตั้งแต่ ค.ศ 1833 มาจนถึงปีนี้ก็ครบรอบ 175 ปีแล้ว

และวันที่ 6-7 สิงหาคมนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ บุช และลอร์ร่า บุช สุภาพสตรีหมายเลยหนึ่ง จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยก่อนที่จะไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิค ต่อที่ประเทศจีน

จากที่คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น ไปสัมภาษณ์ผู้นำสหรัฐที่กรุงวอชิงตันมาแล้ว ทำให้ได้รู้กันค่ะว่า จอร์จ บุช เตรียมประกาศ "นโยบายยุทธศาสตร์" สำคัญต่อเอเชีย ที่ประเทศไทย ทางผู้นำสหรัฐย้ำถึงความเป็นมิตรประเทศของทั้งสอง เลยเลือกประเทศไทยเพื่อกล่าวสุนทรพจน์นี้
สัปดาห์หน้าก็จะมีเรื่องระหว่างประเทศใหญ่ๆอย่างน้อยสองเรื่องค่ะ ทั้งการมาเยือนของประธานาธิบดีบุช และการพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิคในวันศุกร์ที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 ที่ทางการจีนทุ่มกันสุดตัวจริงๆสำหรับงานใหญ่ระดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงอายุของคนจีนคนหนึ่ง
ในยุคหลังนี้ที่คนจีนและละตินอเมริกาอพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐมากขึ้น และเริ่มมีพลังทางการเมืองมากขึ้นในสหรัฐ นโยบายการต่างประเทศของสหรัฐเริ่มหันเหให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น และยิ่งต้องให้น้ำหนักมากขึ้นกับตะวันออกกลางเพราะปัญหาในอิรัก ขณะที่ให้ความสำคัญกับยุโรปน้อยลงกว่าอดีตเป็นอย่างมาก
ในด้านหนึ่งสหรัฐพยายามคงบทบาทในฐานะมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก แต่ในยุคที่ประเทศจีนกำลังผงาดทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
น่าสนใจว่าไทยเองจะเดินหน้านโยบายต่างประเทศต่ออย่างไร และจะวางตัวเช่นไร ในยุคที่สหรัฐกับจีน กำลังคานอำนาจกันอย่างถึงพริกถึงขิง