ดิฉันมานั่งนึกๆดูว่าเวลาพูดถึงสหรัฐอเมริกาจะคิดถึงอะไรก่อน สำหรับตัวเองก็หนีไม่พ้น หนังฮอลลีวู้ดกระแสหลัก ภาพยนตร์ซีรีส์ที่ฮิตติดลมบนอย่าง sex and the city, และ 24 กาแฟอย่าง Starbucks และสื่อดังๆอย่าง CBS, CNN,HBO และอื่นๆอีกมากมายที่เป็น 'สินค้า' ส่งออกจากสหรัฐที่เข้าไปครองใจคนไทยและทั่วโลกได้อย่างจัง
นี่ยังไม่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ นครใหญ่ๆอย่าง New York, San Francisco, และ LA ที่โกยเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไทยได้อย่างมากโขในแต่ละปี
นอกจากสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีปริมาณการค้าการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐที่เข้ามาในไทย และสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทยด้วย
มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์ค่ะ สำหรับไทยและสหรัฐ เพราะทั้งสองประเทศได้ทำสนธิสัญญาทางการค้ากันมาตั้งแต่ ค.ศ 1833 มาจนถึงปีนี้ก็ครบรอบ 175 ปีแล้ว
และวันที่ 6-7 สิงหาคมนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ บุช และลอร์ร่า บุช สุภาพสตรีหมายเลยหนึ่ง จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยก่อนที่จะไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิค ต่อที่ประเทศจีน
จากที่คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น ไปสัมภาษณ์ผู้นำสหรัฐที่กรุงวอชิงตันมาแล้ว ทำให้ได้รู้กันค่ะว่า จอร์จ บุช เตรียมประกาศ "นโยบายยุทธศาสตร์" สำคัญต่อเอเชีย ที่ประเทศไทย ทางผู้นำสหรัฐย้ำถึงความเป็นมิตรประเทศของทั้งสอง เลยเลือกประเทศไทยเพื่อกล่าวสุนทรพจน์นี้
สัปดาห์หน้าก็จะมีเรื่องระหว่างประเทศใหญ่ๆอย่างน้อยสองเรื่องค่ะ ทั้งการมาเยือนของประธานาธิบดีบุช และการพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิคในวันศุกร์ที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 ที่ทางการจีนทุ่มกันสุดตัวจริงๆสำหรับงานใหญ่ระดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงอายุของคนจีนคนหนึ่ง
ในยุคหลังนี้ที่คนจีนและละตินอเมริกาอพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐมากขึ้น และเริ่มมีพลังทางการเมืองมากขึ้นในสหรัฐ นโยบายการต่างประเทศของสหรัฐเริ่มหันเหให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น และยิ่งต้องให้น้ำหนักมากขึ้นกับตะวันออกกลางเพราะปัญหาในอิรัก ขณะที่ให้ความสำคัญกับยุโรปน้อยลงกว่าอดีตเป็นอย่างมาก
ในด้านหนึ่งสหรัฐพยายามคงบทบาทในฐานะมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก แต่ในยุคที่ประเทศจีนกำลังผงาดทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
น่าสนใจว่าไทยเองจะเดินหน้านโยบายต่างประเทศต่ออย่างไร และจะวางตัวเช่นไร ในยุคที่สหรัฐกับจีน กำลังคานอำนาจกันอย่างถึงพริกถึงขิง
No comments:
Post a Comment