8.3.09
รำลึก 100 ปี สตรีสากล
8 มีนาคม 2552 วันสตรีสากล ผู้หญิงทั้งหลายที่ได้ใช้ชีวิตกันเต็มที่ทั้งในอาชีพการงาน ก้าวหน้ากันในเรื่องครอบครัว โดยเฉพาะผู้หญิงชนชั้นกลาง และ ชั้นสูง อาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับวันนี้เท่าไร หรือไม่ก็คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ฉันจะไปเรียกร้องทำไมกับสิทธิทั้งหลาย ก็ฉันได้มาแล้วเต็มที่ !?!
เมื่อมองย้อนดูประวัติศาสตร์ กว่าจะมาไกลจนถึงวันนี้ และที่ผู้หญิงชนชั้นกลางที่ได้โอกาสในชีวิตอย่างเต็มที่ ก็ต้องไม่ลืมผู้หญิงที่ขาดโอกาส หรือกลุ่มชนใช้แรงงานด้วย ที่ทุกวันนี้พวกเธอยังทำงานหนักและกำลังแสวงหาโอกาสให้กับชีวิตเช่นกัน
ราว 100 ปีก่อน Clara Zetkin ผู้ใช้แรงงานหญิงและนักสังคมนิยมหญิงชาวเยอรมัน ทนไม่ได้กับสภาพการจ้างงานที่ต้องถูกกดขี่อย่างหนัก ยุคนั้นเป็น
ยุคอุตสาหกรรมเบ่งบานในโลกตะวันตกค่ะ โรงงานทอผ้า โรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปเยอะขึ้น และอาศัยแรงงานผู้หญิงเป็นหลัก เป็นยุคที่เริ่มเข้าสู่ทุนนิยมที่แรงงานได้รับการแปรค่าเป็นเงินตรา และถ้าผู้หญิงไม่ออกมาทำงานนอกบ้าน สมาชิกในบ้านก็จะต้องอด จะรอพึ่งสามีเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ สามีเองก็ทำงานหนักเช่นกัน แต่แรงงานหญิงมักจะได้ค่าแรงถูกกว่า ขณะที่ต้องเลี้ยงหลายปากในครอบครัว
คุณคลาร่า เป็นแกนนำในการประท้วง และต้องการให้มีวันสตรีสากล เพื่อระลึกถึงคุณูปการ ความเหนื่อยยากของแรงงานหญิง ที่ต้องต่อสู้ ทำงานอย่างหนัก
เมื่อ ค.ศ. 1910 คุณคลาร่าผลักดันแนวคิดนี้ และมีผู้หญิงจาก 17 ประเทศ รวมกว่า 100 คน จากหลายประเทศทางฝั่งตะวันตกด ทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นสำเร็จ
และเมื่อวงการอุตสาหกรรมไหลมาถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่หรือที่ได้ชื่อว่า NICs (New Industrialised Countries) ในช่วงทศวรรษ 1970 ถึง 1980 โรงงานทั้งหลายก็กระจายมาใช้แรงงานราคาถูกของผู้หญิงในเอเชีย ทั้งที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงของไทยด้วยค่ะ ถ้ายังจำกันได้ช่วงปลายทศวรรษ 1980 ถึงช่วงต้น 1990 เศรษฐกิจไทยเติบโตมาก และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้แรงงานหญิงราคาถูก พอถึงยุคเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 1997 แรงงานถูกปลดออกจากงานกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแรงงานผู้หญิง เป็นส่วนใหญ่ ที่มักจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม
Last In, First Out คือได้รับเข้าทำงานหลังสุดแต่ถูกบอกเลิกจ้างงานก่อนใครเพื่อน
แน่นอนเมื่อผู้หญิงถูกเลิกจ้างงาน ครอบครัว และ ลูกๆ ก็ถูกกระทบหนักตามมา ช่วงนั้นมีปัญหาคนฆ่าตัวตาย และครอบครัวไม่ได้รับการเหลียวแลมากทีเดียวค่ะ
ถึงปีนี้ วิกฤติเศรษฐกิจกำลังถาโถม และนักวิเคราะห์บางท่านมองว่าจะเจ็บหนักกว่าเมื่อ 12 ปีก่อน เพราะคราวนี้แรงงานในเมืองจะหลั่งไหลกลับไปพึ่งเกษตรกรรมก็ยากแล้ว เพราะขายไร่ ขายนา ให้เจ้าของเงินทุนกันไปหมดแล้ว
กลับมาเรื่องแรงงานหญิงบ้าง ดิฉันเห็นว่า คำว่า ผู้หญิงทำงาน ก็คงไม่ห่างจากผู้หญิงทุกคน ที่ต้องรับผิดชอบไม่เฉพาะแต่ตนเองนะคะ มีทั้งคนใกล้ชิด พ่อ แม่ พี่ น้อง และลูกๆ ที่ตนเป็นห่วงอีกมากมาย ขอร่วมเห็นคุณค่ากับสองมือ สิบนิ้ว หนึ่งสมอง ของผู้หญิงทุกท่าน และ ขอขอบคุณคุณผู้ชายทุกคนที่ให้การสนับสนุนผู้หญิงของคุณมาตลอด รวมถึงกลุ่มอื่นๆที่ไม่จัดตนเองว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยค่ะ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
12 comments:
ขอบคุณสำหรับบทความนะค่ะ
ตอนแรกก็ดีหรอก แต่ตอนท้ายทำไมต้องพาดพิงถึงกลุ่มอื่นด้วยล่ะ นี่วันสตรีสากลมิใช่หรือ น่าจะถือทางphysiqueเป็นเกณฑ์นะ
วรรคแรกตอนท้ายน่ะ ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่อย่างไรก็ยังไม่ได้สิทธิเต็มที่หรอก แค่จะออกไปเที่ยวดึกหน่อยก็ไม่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งต่างกับผู้ชายจะไปไหนมาไหนกลางค่ำกลางคืนก็คงไม่ต้องกลัวถูกฉุดไปทำมิดีมิร้ายเหมือนผู้หญิงหรอก จริงหรือไม่?
คุณungearsueโปรดกรุณาช่วยไปอ่านcommentที่15ในบทความ"หว่านเงิน..กระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก"ด้วยนะ พอดีเพิ่งอ่านเจอข้อความของคุณ เลยไปตอบไว้ในนั้น
ขออภัยคุณณัฏฐาที่ต้องใช้ blog เป็นช่องทางในการสื่อสารด้วย...แต่คิดว่าคุณก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอกน่า..จริงไหม
คุณริน เราว่าเราสองคนมาคุยกันผ่าน e-mail ก็ได้นะ e-mail เราคือ ungearsue@yahoo.com ส่วนชื่อแซ่นั้นสำคัญไฉน เอาไว้ค่อยแนะนำตัวตอนคุยกันอีกทีก็ได้ เพราะคงไม่มีใครอยากรู้จักเราหรอก
อันนี้ของคุณณัฏฐา
ที่ผู้หญิงอยู่ในสถานะชนชั้นสองมาโดยตลอดต้องโทษที่ระบบสังคมวัฒนธรรมที่ยังเป็นแบบ patriarchy จึงทำให้ไม่ว่าโลกเราจะเจริญก้าวหน้าไปถึงไหนๆ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นผู้ตามอยู่วันยันค่ำ ขนาดขับรถไปเจอใคร (สักคนที่เรายังไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไร)ขับรถแย่ๆ สิ่งแรกที่เราคิดก็คือ "ผู้หญิงขับรถก็อย่างนี้แหละ" แม้กระทั่งการดูรายการโทรทัศน์ก็เถอะ รายการที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงมักจะถูก "ให้ค่า" ว่าเป็นรายการที่ไม่มีสาระ ละครน้ำเน่า ข่าวดารา เสนอเคล็ดลับทำตัวให้ดูสวยใสไปวันๆ เท่านั้น ขณะที่รายการสำหรับผู้ชายมักจะถูกให้ค่าว่าเป็นรายการที่มีสาระประโยชน์ เช่น รายการข่าว รายการด้านไอที โดยไม่มองถึงวิถีชีวิตของผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ..อาชีพแม่บ้านเป็นอาชีพที่ไม่มีวันเกษียณ เป็นอาชีพที่สังคมวัฒนธรรมมอบให้ติดตัวมาแต่กำเนิด และด้วยเพราะสิ่งนั้นทำให้พวกเธอต้องคลายเครียดเสียบ้าง ...
มีวิทยานิพนธ์ปริญญาโทของนิเทศฯ จุฬาฯ ชื่อ "ความเป็นแม่บ้านและการบริโภคสื่อแนวเล่าข่าวสาร" อธิบายเรื่องนี้ไว้ ถ้าคุณณัฏฐาสนใจลองไปหาอ่านดูก็ได้นะ
ทำไมคุณungearsueถึงคิดว่าไม่อยากมีใครรู้จักล่ะ สงสัยจังว่า ทำไมถึงได้น้อยเนื้อต่ำใจถึงขนาดนั้นล่ะ ยิ่งทำให้น่ารู้จักมากขึ้นไปอีกนะ
อยากเห็นคุณณัฐฎาช่วง"ตอบโจทย์"อีกครั้ง จะได้ชื่นชมนานๆหน่อย น่าจะซักอาทิตย์ละครั้ง กำลังดี
คุณณัฎฐา ทำไมไม่มา up date blogล่ะ ไม่มีเวลาหรือว่าไม่พอใจอะไร อ่ะต่อไปนี้จะไม่ตลกไร้สาระอีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิทธิของคุณอยู่ดีที่จะทำหรือไม่ทำ
ท่าทางคุณณัฏฐาคงงานยุ่งมาก เลยไม่ค่อยมีเวลามาอัพเดทบล็อค ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยล่ะ...แล้วก็อย่าลืมว่ามีคนคอยอ่านบทความของคุณอยู่นะจะบอกให้
จริงด้วย ทำไมไม่เห็นใจคอยที่รอคอยมั่งเลย
ต้องขอบคุณคุณณัฏฐาที่เมื่อวานสัมภาษณ์นักวิชาการด้านสื่อ (บ้าง) เพราะว่าเป็นประโยชน์กับผู้ชมในสถานการณ์ที่บ้านเมืองอยู่ใน data smog เช่นนี้ สื่อเองต้องติดตั้ง software ด้าน media literacy ให้กับผู้ชมบ้าง เพราะผู้ชมอีกหลายๆ กลุ่มก็ไม่ได้รู้เท่าทันเทคนิคด้านการปลุกระดมมวลชน หรือ การ set agenda ของนักการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม ตัวอย่างการ set agenda ที่ได้ผลมาแล้ว เมื่อประมาณปี 2547 เกิดกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่วและพัวพันกับลูกสาวอดีตนายกฯ ในสมัยนั้น เลยเกิด "ทัวร์นกขมิ้น" หัวหน้าทัวร์กินนอนแบบสมถะ ข่าวนี้ดึงความสนใจจากข่าวข้อสอบรั่วได้พอสมควร เพราะนักข่าวมัวไปทัวร์กับเขาด้วย ปิดท้ายด้วยการยกมือไหว้สื่อน้ำตานองหน้า "อย่าทำร้ายลูกผมเลย ลูกผมไม่เกี่ยวอะไรด้วย" ปรากฏว่ามุขนี้ได้ผลกว่าทัวร์นกขมิ้น และอีกมุขหนึ่งที่สร้างผลกระทบในวงกว้างคือ การประกาศซื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ซื้อ (พอออกจากนายกฯ เลยหันไปซื้อแมนซิตี้แทน ฮา..)
ที่เล่ามาทั้งหมดทั้งมวลนี้ เพื่อจะบอกสื่อว่า สิ่งที่คนในสังคมไทยต้องการตอนนี้คือ การรู้เท่าทันสื่อ (media literacy)เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แทนที่จะเชิญแขกมาพูดถึงสถานการณ์เสื้อแดง ควรจะเชิญแขกที่ให้ความรู้เรื่องเทคนิคการสื่อสาร การวิเคราะห์สื่อ มากกว่า อย่างที่บอกตอนนี้คนไทยอยู่ในภาวะ data smog
ปล.เปลี่ยนเวลาใหม่เป็นดึกขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง แล้วคุณณัฏฐาจะมีเวลามาอัพเดตบล็อคไม๊เนี่ย
Post a Comment