15 ตุลาคม 2556 นิวยอร์ค
ข้อดีอย่างหนึ่งของนิวยอร์คคือพอเริ่มคุ้นกับถนนหนทาง
เริ่มจับทิศจับทางถูกไปไหนมาไหนก็ง่ายขึ้น เริ่มนับบล็อก นับถนนได้ จากโรงแรมไปสตูดิโอ
NBC
news ใช้เวลาเดินเพียง 8 นาที และแน่นอนต้องพึ่งพา Google
Map ตลอด แม้จะมีแผนที่อยูในใจแล้ว
สตูดิโอของ NBC
News อยู่ใจกลางเมืองจริงๆ อยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้าม Rockefeller
Plaza ถ้าดูทีวีตอนเช้า จะเห็นรายการข่าวเช้าที่มักจะนำดารา นักร้อง
มาแสดงสดๆข้างถนนให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้กรี๊ด
และสร้างเรตติ้งให้คนดูคอยดูว่าวันนี้แขกรับเชิญจะเป็นใคร ช่วยให้ข่าวเช้าของ
NBC ติดลมบนไม่น้อย
สตูดิโอข่าวเช้า NBC News ฝั่งตรงข้าม Rockefeller Plaza นิวยอร์ก |
ฉันไม่ได้ไปเยือนสตูดิโอข่าวเช้า
แต่มีนัดพบกับหนึ่งในผู้ประกาศชายระดับตำนานของสหรัฐ คุณ Tom
Brokaw
ตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อจะได้พบกับ “นักข่าวรุ่นพี่” ผู้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับเรื่องมากฝีมือ และผลงานการเขียน
การทำงาน โดยเฉพาะในยุค 1980s ยุครุ่งเรืองของวงการทีวี
ผู้ประกาศขายอเมริกันในยุคนั้นมีกันอยู่ 3 คน Tom Brokaw แห่ง
NBC Peter Jennings
แห่ง ABC และ Dan Rather แห่ง CBS
เป็นผู้ประกาศชายที่กลายเป็นสมาชิกในบ้านของคนมะกัน ทุกเย็นจะได้ดูทั้งสามท่านนี้ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าว
“Evening News” ซึ่งเสมือนเป็นสมรภูมิหลัก
เชือดเฉือนและต้องฝากฝีไม้ลายมือ พิสูจน์ทีมงานกันสดๆทุกคืน
กับคุณ Tom Brokaw อดีตผู้ประกาศแห่ง NBC |
คุณ Tom Brokaw พิเศษด้วยความเป็นผู้ประกาศชายท่านเดียวแห่ง NBC ที่ได้เป็นพิธีกรรายงาน
The Today Show, NBC Nightly News และ Meet the Press โดยเฉพาะ NBC Nightly News
เป็นรายการที่ทำหน้าที่หลัก เป็นโลโก้ของรายการและของช่อง ยาวนานถึง 22 ปี
ในช่วงปี 1982-2004 ช่วงนั้นคนมะกันเปิดทีวีมาทุกเย็นจะได้เห็นหน้าคุณ Tom
Brokaw มาจัดรายการข่าว วิเคราะห์ข่าวทุกเย็น
คุณ Tom วันนี้วัย 73ปีแล้ว แต่ยังทำงานจัดรายการพิเศษ และมีรายการเป็นของตนเอง
ทำงานแบบไม่ประจำ ฉันไปคุยวันนี้มีเวลาไม่ถึง 30 นาที เพราะคุณ Tom จะต้องรีบไปจัดรายการครบรอบวันลอบสังหาร
JFK ครบ 60 ปี ในปีนี้
ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมสหรัฐ เมื่อพูดถึงอดีตประธานาธิบดี JFK (มีnote จาก Newseum มากมายในเรื่องนี้แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังนะคะ)
คุณ Tom เริ่มเล่าอย่างเป็นกันเอง ย้อนหลังให้ฟังถึงวงการทีวีในสหรัฐว่า
เริ่มเห็นบทบาทของทีวีจริงๆจังในยุคที่อดีตประธานาธิบดี JFK ถูกลอบสังหาร
เมื่อ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เป็นวันที่ข่าวทีวีสร้างปรากฎการณ์เป็น “กาว” ให้คนมะกันเกาะติดอยู่หน้าจอทีวีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
กับรูปแบบการรายงานสดๆ ตลอด 4 วัน เป็นเวลาที่ได้เห็นแต่ละสถานีแข่งขันกันอย่างดุเดือด
และได้สร้างชื่อให้กับ Walter Kronkite ผู้ประกาศชายของ CBS
เป็นอย่างมาก ด้วยความที่ค่อยๆรายงานอย่างใจเย็น ไม่ตื่นตระหนกไปกับข้อมูลข่าวสาร
ค่อยๆบรรยายเหตุการณ์อย่างแม่นยำ คุณ Tom Brokaw ย้อนอดีตช่วงนั้นให้ฟัง
เพราะต้องการจะบอกว่าวงการทีวีเปลี่ยนไปเยอะมาก และมาเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อมี CNN
เข้ามา กลายเป็นสถานีข่าว 24 ชั่วโมง
ที่กระตุกให้ทั้งวงการต้องปรับตัวขนานใหญ่
ในโลกข่าวปัจจุบันไม่ต้องสงสัยเลยว่าดิจิตัลเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทสูงสุด
คุณทอมบอกว่า “ยังไม่รู้เหมือนกันว่า
ดิจิตอลเทคโนโลยีจะพาเราไปทางไหน” ที่แน่ๆ คือทุกวันนี้คนดูมีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
ก้าวเข้าสู่โลกสื่อมวลชนดีๆได้มากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งคนรับสารก็ต้องทำงานหนักมาก
ต้องมีทักษะในการกรองข่าวสารเองด้วย คนรับสารจะนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไป
ต้องตื่นตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวที่ต้องทำงานหนักมากขึ้นเช่นกัน
คุณทอมบอกสั้นๆว่า “journalists need to work harder.”
คุณ Tom Brokaw เป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวอเมริกันที่ให้ความสำคัญกับข่าวต่างประเทศอย่างมาก
ด้วยจุดประสงค์ว่าต้องการให้คนมะกันเปิดมุมมองต่อโลกกว้างขึ้น และคุณ Tom มักจะเป็นผู้ที่เดินทางไปทำข่าวต่างประเทศสม่ำเสมอ
เป็นผู้ประกาศชายอเมริกันคนเดียวที่ไปอยู่ในเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลินล่มสลายเมื่อปี
1989 คุณทอม
ระบุว่าคนอเมริกันมักจะสนใจเรื่องราวแต่ในประเทศมากเกินไป
จนไม่รับรู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว และขณะนี้ปัญหา Government Shutdown ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าระบบประชาธิปไตยของประเทศทำงานไม่ได้
คุณ Tom อยู่ในวงการสื่อไม่ต่ำกว่า 50 ปีแล้วค่ะ พอฉันถามว่าทำไมอยู่ได้นานขนาดนี้
คุณทอมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ I make mistakes all
along, but I think of American audience. Every day, I make sure that I am fair,
I work very hard for accuracy and make sure that I got it right.” “ผมยอมรับว่าพลาดหลายครั้ง
แต่ก็เรียนรู้จากความผิดพลาด สิ่งที่อยู่ในใจอันดับหนึ่งคือคนดูอเมริกัน
ทุกวันผมต้องมั่นใจว่านำเสนอเนื้อหาที่รอบด้าน
ผมทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและถูกต้อง”
จากนั้นคุณทอม
เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่ามาจากครอบครัวคนทำงาน “พ่อทำงานหนัก ผมไม่เคยลืมพื้นเพบ้านเกิดของผมที่มาจากตอนกลางของอเมริกา
ถ้าเทียบกับเพื่อนๆผมอาจจะดูเหมือนหัวไวกว่าคนอื่นๆ
เพราะว่าผมมักจะสนใจสิ่งต่างๆรอบตัว และตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลา”
คุณทอม
ไม่ได้เป็นนักข่าวหน้าจออย่างเดียวนะคะ ทำงานเป็นนักเขียนด้วย
มีผลงานระดับรับรางวัลมากมาย และหนึ่งในเล่มที่ได้รับการยอมรับอย่างมากคือ “The
Greatest Generation” เนื้อหาเล่าถึงประสบการณ์โดยตรงของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของคุณทอม
ที่ต้องเสียสละร่วมรบในสงคราม เป็นคนรุ่นที่คิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก
คิดถึงความเป็นปัจเจกทีหลัง และเป็นคนรุ่นที่คิดถึงอนาคตของประเทศ
ร่วมกันสร้างชาติและพาสหรัฐหลุดพ้นจากยุคเศรษฐกิจถดถอยในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่
1 และคนรุ่นให้กำเนิดคนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ “baby boomers”
ในยุคที่การเมืองระหว่างประเทศกำลังเปลี่ยนไปอย่างมาก
บทบาทของสหรัฐถูกตั้งคำถามมากขึ้น คุณทอม
บอกว่าปัญหาที่กำลังรุมเร้านี้อาจจะยิ่งบ่งบอกว่าสหรัฐไม่ได้ดีอย่างที่คนในประเทศคาดคิด
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตระหนักในเรื่องนี้
ผลงานที่คุณทอมบอกว่าประทับใจ และตราตรึงถึงทุกวันนี้คือตอนรายงานเหตุการณ์
9/11 ที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอต่อเนื่อง ข้ามวัน ข้ามคืน โดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์จริงๆคืออะไร
แต่ต้องพยายามตั้งสติ รวบรวมข้อมูล เพื่อรายงานต่อผู้ชมให้ได้
เคล็ดลับที่ไม่ลับสำหรับคนข่าวคือ “I
never stop preparing” “ผมไม่เคยหยุดเตรียมตัว”
หัวใจของการทำข่าวคือ “ทำการบ้าน” เตรียมตัว
หาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะออกไปทำข่าว
และควรจะต้องคิดไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนถึงพื้นที่ว่าจะทำอะไร
เทคโนโลยีจะเปลี่ยนขนาดไหน “อาวุธ” ของสื่อยังคงแก่นเดิมคือ “หัวสมอง และข้อมูล”
คุณทอมบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าคนจะหาว่านักข่าวรู้อย่างเป็ด
เพราะว่าความจำเป็นว่าต้องรู้อย่างเป็ดนี่แหละทำให้ต้องขวนขวายและพยายามทำความเข้าใจกับทุกเรื่อง
และอาวุธที่ทำให้อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะบอกกับตนเองว่า “ผมไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ผมต้องพยายามรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ขอบคุณคุณ Tom
Brokaw ที่กรุณาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวจากแดนไกลอย่างฉันอย่างเป็นกันเอง
และอัดแน่นไปด้วยข้อมูลชัดถ้อยชัดคำชัดเจน ไม่ทิ้งลายผู้ประกาศยอดนิยมแห่ง NBC
//
No comments:
Post a Comment