
เชื่อว่า หลายๆท่านจากนี้ไปอาจจะมีอาการ "เสพติด" โอบามา โดยเฉพาะ ลีลาการพูด เนื้อหา ท่วงท่า เพราะฟังทีไรได้จุดพลัง และประกายให้กับผู้ฟังทุกครั้ง
คุยกับเพื่อนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอด เห็นตรงกันเลยว่า ภาพของสหรัฐอเมริกาดูดีขึ้นมาทันทีในสายตาชาวโลก
ก็คงจะดีขึ้นมากโขละค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาทุกข์ทรมานของชาวอเมริกันในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา กับอดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งจากทำเนียบไวท์เฮาส์กลับไปอยู่เท็กซัส
ขณะที่ยินดีกับโอบามา ในวันประวัติศาสตร์ 20 มกราคม 2552 เวลาเที่ยงตรง ที่ได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็อดเห็นใจไม่ได้ว่า เขาจะต้องเจอกับภาระที่ "หนักอึ้ง" แค่หนักอย่างเดียวยังไม่เท่าไร แต่ความคาดหวังของผู้คนสูงมากๆ เพราะไม่เพียงแต่ชาวอเมริกันเท่านั้นที่หวังไว้สูงลิ่ว คนทั่วโลกเองก็ลุ้น และ รอให้โอบามา เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของโลกใบนี้ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น
อย่างเรื่องของการแก้ปํญหาวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐที่กำลังจะล่มมิล่มแหล่ ชาวอเมริกันก็ตั้งตารอขอให้ได้เงินช่วยเหลือเพื่อพยุง Big Three ไว้เป็นการด่วน แต่ผู้นำเยอรมนีนางอังเกล่า แมเคิล ได้ขู่ไว้แล้วนะคะว่าจะไม่สบอารมณ์แน่นอนถ้าสหรัฐให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านมากเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีตายไปด้วย ก็แหม ถ้าสหรัฐเจ๊ง งานนี้เยอรมนีก็จะยิ้มนะสิคะ
แค่เรื่องเดียวนี่ก็กลุ้มแล้ว จะเอาใจคนในบ้านหรือจะรักษาสัมพันธ์กับเพื่อนในเวทีโลกดี????
ยังไม่นับเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องสงคราม เรื่องสถาบันการเงิน และอื่นๆที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รอโอบามาเข้าไปจัดการทั้งนั้น
แต่ "มนต์" ของโอบามา ก็อาจจะพอทำให้คลายกังวลกันไปได้บ้าง กับประโยคที่ว่า
"We gather because we have chosen hope over fear, unity of purpose over conflict and discord."
"เรามารวมกันได้เพราะเราได้เลือกความหวังแทนที่จะหวั่นวิตก เลือกเป็นเอกภาพแทนที่ความขัดแย้งและความไม่ลงรอย"
แถมหลังจากเต้นรำกับภรรยามิเชล โอบามา แล้วยังหันกลับมาบอกผู้ไปร่วมงานเป็นประโยคแรกด้วยว่า Let's change America
ทั้งเอาจริงเอาจัง ทั้งอ้อนขนาดนี้ ชาวอเมริกันก็คงชื่นใจ เหมือนมีมนต์ไปเป่าใจแล้วละคะ
ช่วงเวลาพิสูจน์ผลงานเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วินาทีนี้แล้ว