20.12.09

รวมพลเหล่า Tweetple








เป็นภาพที่รวบรวมได้จากงานพบปะชาวทวิตเตอร์ที่ร้านวาวี ซอยอารีย์ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาค่ะ
บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ได้พบตัวเป็นๆ เหล่าสาวก twitter ดิฉันเพิ่งได้พบหลายๆท่านเป็นครั้งแรก ยินดีมากๆค่ะ ต้องขออภัยถ้าพลาดทักหลายๆท่านไปนะคะ

จะว่าไปก็ได้เห็นพลังและการรวมกลุ่มกันผ่าน microblogging อย่างเจ้าทวิตเตอร์ กับตัวอักษรที่เคาะได้ 140 ครั้ง กำลังกลายเป็นศูนย์รวมข่าวสารข้อมูล ทางเลือกใหม่ที่ใช้กันไปทั่วโลก ทวิตเตอร์นี่โตอย่างก้าวกระโดดเลยนะคะ 1,300 กว่าเปอร์เซนต์ในช่วงปีเดียว ป่านนี้ตัวเลขอาจจะสูงกว่านี้ไปแล้ว

สำหรับสื่อมวลชนอย่างดิฉัน ทวิตเตอร์มีประโยชน์มากกับการติดตามข่าวสารในแต่ละวัน รับรู้ได้รวดเร็ว ไม่จำกัดค่าย และรับได้จากทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะประเทศไทย และที่สำคัญ ฟรี!ค่ะ เป็นเครื่องมือใหม่สำหรับผู้ติดตามข้อมูล ข่าวสาร ความเป็นไป สมกับที่เป็น social media ใหม่ที่กำลังมาแรง

แต่ก็เป็นดาบสองคมไปพร้อมๆกัน ทั้งในเรื่อง ภาษา การผลิตซ้ำ และ ความแม่นยำของข้อมูล ที่คงจะต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ เวลาจะ Retweet (RT)

อย่างวันนี้ดิฉันได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักการเมืองทั้งสามท่าน ในเวทีเดียวกัน โอกาสเช่นนี้หายากค่ะ ทั้งคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และ คุณสุรนันท์ เวชชาชีวะ แถมยังได้คุยเรื่อง lifestyle สบายๆแบบชาวทวิตเตอร์


วงสนทนา เป็นไปอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยสาระพร้อมๆกัน ทั้งท่าน ว.วชิรเมธี คุณสุทธิชัย และมีคุณหนุ่ยกับคุณจอมขวัญ สร้างความครื้นเครงตลอดงาน

เสียดายมีภาพอีกมากมายที่ไม่ได้บันทึก แต่อยู่ในความทรงจำเรียบร้อยแล้วค่ะ

สวัสดีและยินดีที่ได้พบทุกท่านค่ะ

29.11.09

พนมเปญ...พนมเปญ






ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะทำตัวเป็นนักสังเกตการณ์สภาพสังคม ณ กรุงพนมเปญ ได้อย่างละเอียด แต่ช่วง 3 วันที่ได้สัมผัสเมืองหลวงกัมพูชาครั้งแรก ก็ประทับใจกับผู้คนหลายเรื่องค่ะ

แวบแรกที่เห็นรู้สึกได้เลยว่า กรุงพนมเปญ กำลังโต แต่โตแบบเข้าข้างผู้มีอันจะกิน บ้านเมืองกำลังเต็มไปด้วยเครนก่อสร้าง โดยเฉพาะบ้านหลังใหญ่ๆ ตึกสูงๆที่ทำการค้า และมีรถคันโตมากมาย หลายๆรุ่นยังไม่เข้ามาในประเทศไทยด้วย มีเบนซ์สปอร์ตของบรรดาลูกของผู้มีฐานะ น้ำมันที่พนมเปญไม่ถูกนะคะ ลิตรละ 43 บาท แต่ก็มีผู้คนขับรถกันมากมาย รถติดมากมายเช่นกัน ไปไหนต้องเผื่อเวลาพอสมควร

ผู้คนส่วนใหญ่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน และยานพาหนะสามประเภท รถเก๋ง มอเตอร์ไซค์ จักรยาน รวมทั้งคนข้าม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันพอสมควร ใครอยากเปลี่ยนเลน อยากขับรถ อยากข้ามถนน ก็เชิญ แต่ระวังกันเอง ดูกันเองแล้วกัน ไม่ค่อยมีเสียงบีบแตรกันเท่าไร ถ้าเป็นบ้านเราขืนใครขับแบบตามใจฉันเช่นนั้น...เป็นเรื่อง อาจถึงขั้นยิงกันตายได้...ยังค่ะ กรุงพนมเปญยังไม่ถึงขั้นนั้น

สี่แยกที่บันทึกภาพมา ค่อนข้างกลางเมือง และตึกสึเหลืองที่คล้ายๆโดม กำลังจะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าในไม่ช้า

และโดยรอบสีแยกมีแม่ค้านั่งขาย "ปัง" กันหลายเจ้า เป็นอาหารเช้าหลักของคนที่นี่ค่ะ ดิฉันไปยืนๆอยู่ แม่ค้าคนหนี้พอหันมาเห็นยิ้มให้กล้องด้วยความเป็นมิตร ขนมปังฝรั่งเศสตกชิ้นละ 7 บาทค่ะ รับประทานแล้วอร่อยดี ยิ่งจิบกับน้ำชาด้วยละก็เพลินไปเลย แต่ถ้าอยากจะรับประทานให้อิ่มก็ต้องซื้อแบบใส่หมูยอ และ ผัก จะตกชิ้นละราว 20 บาท

รอยยิ้มที่ประทับใจที่สุดครั้งนี้มาจาก พี่น้องตระกูลคิม พี่ชายและน้องสาว ที่ตลาดรัสเซีย ตอนแรกไปยืนมองๆ ถามเด็กผู้ชายว่าพูดภาษาไทยได้มั้ย เด็กบอกพูดไม่ได้ แต่พูดภาษาอังกฤษได้ จากนั้นยืนคุยจ้อ คุยไม่หยุด น่ารัก ช่างเจรจาพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟทั้งพี่ชาย น้องสาว ทั้งคู่กำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติ ครูเป็นชาวอเมริกัน อังกฤษ และ ฟิลิปปินส์ เด็กๆเหล่านี้จะเติบโตเป็นคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยคุณภาพของกัมพูชา และน่าจะขยายฐานของคนชั้นกลางในประเทศให้มากขึ้น จากที่คนส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด คนชนบท

อีกด้านหนึ่งเด็กชนบท ที่ขาดโอกาสเรียนหนังสือกำลังถีบตัวกันยกใหญ่ค่ะ เพราะต้องการสร้างโอกาสให้ตนเอง และเริ่มเหลือทนกับสภาพของครอบครัวตนเอง และของประเทศ

คราวหน้าดิฉันจะเล่าต่อว่าเด็กชนบทกำลังหาทางออกกันอย่างไร

15.11.09

ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เรื่องของสองประเทศเท่านั้น





10 วันเต็มกับมาตรการตอบโต้ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นรอบ 10 วันที่ผู้ติดตามข่าวสารไม่อยากเห็นเหตุการณ์ตึงเครียดในระดับที่เคยเกิดขึ้นเหมือนเมื่อ 6 ปีก่อน กับการเผาสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ

ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ย้ำว่ายึดผลประโยชน์ของประเทศไทยและคนไทยเป็นหลัก แต่จะระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนจนถึงขั้นปิดด่านไทย-กัมพูชา

ผู้นำไทยตอกย้ำอยู่บ่อยๆ อย่างชัดเจน แล้วผู้นำกัมพูชา นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ไม่ได้ยินหรอกหรือ

เรื่องไม่ได้ยินไม่น่าจะใช่ แต่น่าจะเป็นเรื่องของความตั้งใจหรือจุดประสงค์ที่อาจจะต้องการให้ไทยตัดสินใจปิดด่านพรมแดน เพราะผู้ที่จะสูญเสียไม่ใช่ใคร จะเป็นประเทศไทยกับมูลค่าการค้าถึงสี่หมื่นล้านบาทที่จะต้องหายไป และนักธุรกิจไทยรายใหญ่ที่ไปลงทุนในกัมพูชาที่จะต้องเดือดร้อน มูลค่าความเสียหายของไทยจะสูงกว่าของกัมพูชา ที่แรงงานส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในไทยในแต่ละวัน เป็นคนงานนอกระบบเป็นหลัก แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้นำกัมพูชาเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเป็นหลัก โดยมิได้คิดถึงคนกัมพูชา ผู้ต้องข้ามไปข้ามมาระหว่างพรมแดน ติดต่อค้าขายกับคนไทยในแต่ละวัน

6 ปีก่อน ช่วงเหตุการณ์เผาสถานทูตไทย “ตาอยู่” ก็คือเวียดนาม ที่มูลค่าทางการค้าของกัมพูชาเทไปที่เวียดนามแทนตำแหน่งของไทย และครั้งนี้ตาอยู่ อาจจะกำลังจ้องอยู่ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

กัมพูชาเองตอนนี้การเมืองในประเทศก็ร้อนใช่ย่อย เมื่อผู้นำฝ่ายค้านอย่างสัม รังสี นำชาวบ้านไปถอนหลักปักเขตแดนที่ สวายเรียง ร้อนถึงรัฐบาลเวียดนามร้องเรียนมายังผู้นำกัมพูชาให้จัดการเรื่องนี้ด้วย

ล่าสุดมีข่าวว่า ฮุน เซน เตรียมถอดถอนเอกสิทธิ์คุ้มครองทางสภา “immunity” ของสัม รังสี ซึ่งหมายความว่าผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาจะถูกดำเนินคดี ฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย แม้จะอยู่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

เกมการเมืองภายในกัมพูชา การชิงพื้นที่ของนักการเมือง กลายเป็นประเด็นที่ผู้นำอย่างฮุน เซน เพิ่มความนิยมทางการเมือง ด้วยการนำพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เข้าไปกัมพูชา ทั้งที่รู้ทั้งรู้อยู่ว่าจะกลายเป็นความบาดหมางกับผู้นำไทย

เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของผู้นำกัมพูชาที่ไม่ได้สนใจอะไรอื่นมากกว่ารักษาฐานเสียง ฐานอำนาจของตนเอง เพื่อจะให้อยู่ในตำแหน่งไปตลอดชีวิต อย่างที่เคยได้ลั่นวาจาไว้

ตอนนี้ภาระหนักตกกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ที่เจอศึกรอบด้านทั้งในบ้าน และ นอกบ้าน ที่ต้องคุมอารมณ์ให้อยู่ ไม่หลงกล ไปตามเกมของผู้นำกัมพูชา ที่รู้จักผู้นำไทยมาแล้วถึง 12 คน

6.11.09

แถลงการณ์ สม รังสี




ช่วงหัวค่ำวันที่ 5 พฤศจิกายน ได้รับอีเมลล์จาก สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา หลังจากเมื่อ 15.30 น.รัฐบาลออกแถลงการณ์ปรับความสัมพันธ์กับกัมพูชา และได้เรียกเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทยทันที

โพสต์ ข้อความให้อ่านค่ะ

Sent: Thu, 5 November, 2009 19:12:39
Subject: Statement by Sam Rainsy


Please pass this on to the Thai press in Bangkok. Thank you.
Sam Rainsy


November 5, 2009

STATEMENT

I am surprised to see my name associated with the name of Mr. Thaksin Shinawatra of Thailand on his official appointment as an adviser to Cambodia’s government led by Mr. Hun Sen. It would never come to my mind to serve a foreign government that is at odds with my own country. All my time and resources are and will be exclusively devoted to serving and defending my sacred motherland Cambodia.

Sam Rainsy
Elected representative of the people of Cambodia


การตอบโต้ของฮุนเซน ต่อรัฐบาลไทย และแถลงการณ์ของสม รังสี น่าจะเกี่ยวเนื่องกับการมาประเทศไทยของสม รังสี เมื่อวันที่ 22 กันยายน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเมืองและสื่อมวลชนในกัมพูชา เมื่อวันที่ 22 กันยายน วันนั้นดิฉันได้ไปติดตามงานสัมมนา และสัมภาษณ์ สม รังสี ซึ่งออกอากาศไปแล้วทาง ที่นี่ ทีวีไทย น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่สม รังสี ได้มาเมืองไทยและได้คุยกับสื่อมวลชน


เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซ๊ยนที่หัวหิน และพอมาถึงก็ได้แสดงท่าทีว่าพร้อมที่จะให้ที่พักพิงแก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในกัมพูชา

Hun Sen noted "If (Cambodian opposition leader) Sam Rainsy could come to Thailand as he did recently to make statement against the Cambodian government, why my good friend Thaksin could not come to Cambodia?"


ฮุน เซน ย้ำว่า "ถ้าสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชามาประเทศไทย แล้วต่อว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ ทำไม่เพื่อนที่ดีของผมอย่างคุณทักษิณ จะไปกัมพูชาบ้างไม่ได้"

กลายเป็นสองเหตุการณ์ต่างเวลา ต่างวาระ ที่ถูกจับมาเกี่ยวข้องกันจนได้ หรืออะไรก็จะเกิดขึ้นได้กับการเมืองกัมพูชา...และการเมืองไทย

24.10.09

prince "jean" sacrifices




"Prince Jean", the nickname, the French press gives to Jean Sarkozy, decides to withdraw from his bid for the top job in management of "La Defense", one of the wealthiest areas in Europe. The son of the President Nicolas Sarkozy has been in the news for about two weeks. The media and the neighbourhood are quite concerned of his role if becoming the "presidency" of the area.

23.10.09

เยือนที่ทำการ "อียู"





ใช้เวลาไปทั้งวันที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ทีทำการสำคัญๆของสหภาพยุโรปค่ะ นั่งรถไฟประมาณชั่วโมงครึ่งจากกลางกรุงปารีส ถึงกลางกรุงบรัสเซลล์

ไปถึงก็เข้าไปทีทำการของสหภาพยุโรป มีบรรยากาศการแถลงข่าวและการทำงานของผู้สื่อข่าวที่กำลังยืนมุงเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปกันอยู่ แต่ละวันเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปประชุมกันอย่างหนักหน่วง สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง และเต็มไปด้วยเอกสาร พิธีการต่างๆมากมาย สำหรับองค์กรที่มีประเทศเป็นสมาชิกอยู่ 27 ประเทศในยุโรป และมีผู้คนราว 500 ล้านคน จำนวนผู้คนนี่พอๆเล็กกว่า 10 ประเทศอาเซียนเสียอีก

สหภาพยุโรปนำหน้าอาเซียนไปก่อนพักใหญ่แล้วเรื่องการรวมตัวกัน เกิดขึ้นยุคปี 1950s อาเซียนมาเกิดขึ้นปี 1967 ถ้านับตามปีก็ตามกันอยู่ไม่น้อยกว่า 15 ปีขึ้นไป

อาเซียนพยายามเรียนรู้จากสหภาพยุโรปในหลายๆด้าน โดยเฉพาะกลไกของการจัดการความเห็นของประเทศสมาชิก การนับคะแนนเวลาลงความเห็น บทลงโทษประเทศสมาชิกที่ทำผิดกฎ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปที่ได้เจอะเจอ พูดให้กำลังใจอาเซียนมากมาย จะว่าไปก็เป็นภาษานักการทูตที่วาดภาพให้ทุกอย่างดูสวยงามและมีความหวังได้ สำหรับอาเซ๊ยนดูแล้วหนทางยังอีกยาวไกล แต่ก็เดินมาตั้งหลักมาได้มากแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากมายให้ต้องแก้ไขอีกเช่นกันค่ะ

เรื่องของสหภาพยุโรปมีกลไกมากมาย แค่ภาษาที่ใช้คุยกันก็เป็นเรื่องแล้ว กับ 27 ประเทศสมาชิก แต่ละครั้งเวลาประชุมกันในรัฐสภาต้องมีล่ามพร้อมแปลทันที 23 ภาษา เขาบอกว่ามีเรื่องเล่าตลก ว่าเวลามีเรื่องขำ จะขำไม่พร้อมกัน เพราะล่ามแต่ละคนจะแปลเรื่องตลกไม่พร้อมกัน

อียู แก้ปัญหาไปแล้วมากมายและยังเติบโตอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ที่ได้พบให้กำลังใจว่า แม้อาเซียนจะย้งต้องเดินอีกไกล ก็ต้องรักกันไว้ ต้องรวมกันเป็นหนึ่งและพยายามจับเป็นกลุ่ม ถ้าเดินไปอย่างโดดเดี่ยวคิดว่าข้ามาคนเดียว ก็จะไปไม่รอด เพราะที่สุดแล้วจะถูกกลืนโดยจีนและอินเดีย ที่กำลังขนาบข้างและมาแรง ถ้ารวมกันเป็นกลุ่มจะมีพลังต่อรองมากกว่าและเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มประเทศเล็กๆอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะอยู่ในเวทีโลกต่อไป

จบแบบให้ความหวังพร้อมกับสัญญาณว่า ยังต้องเติบโตและเรียนรู้อีกมากสำหรับอาเซียน

22.10.09

France 24




This is what I had recorded while at France 24 on Monday. Very sorry for the quality of the picture, not focused. Need to dash to places and I have to operate it all by myself. Well, not complaining though.

Just want to show what a studio of "France 24", a newly launched public TV in France looks like. It will turn 3 years this year. Quite a big success for this new tv station which was launched on the Internet!

20.10.09

from louvre



Bonjour from Paris

This is what I had recorded on Sunday evening in front of Louvre Musuem, Paris. The atmosphere is really fine for late afternoon in October. Next week, when the winter time has started, we would not see sunshine at 6 pm because 6 pm will become 7 pm. So, we all should enjoy it while (the sunshine) lasts.

Apology for English font, I type from the computer of the hotel. No Thai font here.

18.10.09

"Tour Eiffel" ยามเย็น



ฝากภาพ "Tour Eiffel" ยามเย็นมาให้ชมกันค่ะ กว่าจะเดินถึง "ตู อิเฟล" ก็ย่ำค่ำเข้าไปแล้ว ราวหกโมงเย็นกว่าๆ เดินค่อนข้างไกล ไล่ไปเรื่อยตั้งแต่หน้า พิพิธภัณฑ์ Louvre อันเลื่องชื่อ เดินเพลินๆ ชมน้ำแม่น้ำเซนไปด้วย
อากาศเย็น เบาสบายดีค่ะ
ปารีส ยามเย็นนี่รถติดใช่ย่อยเหมือนกัน แต่ทุกๆแยกจะมีไฟสัญญาณ ไม่ว่าแยกใหญ่แยกเล็ก สำหรับคนข้ามถนน จะได้ไม่ต้องแย่งกัน หลายๆแยกที่ไม่มีรถ คนที่นี่ก็จะข้ามถนนกันเลยโดยไม่รอสัญญาณคนเดินข้ามสีเขียว
เดินไปเรื่อยๆ จากลูฟว์ กว่าจะถึง ตูอิเฟล นี่ขาลากเลย ไกลได้ที่จริงๆ แต่แน่นอนคุ้มกับที่ได้เดินไปจนถึง และได้บันทึกภาพก่อนแสงตะวันชั่วโมงสุดท้ายจะลับขอบฟ้า
ก่อนออกจากบริเวณหอไอเฟล นักท่องเที่ยวคนอื่นๆคงมีอาการ "ขาลาก" เช่นกัน บริเวณข้างหน้ารถไฟใต้ดิน เลยมี บรรดา "หมอนวด" และลูกค้า ปักหลักให้และรับบริการกันเป็นการใหญ่ เห็นสภาพทั้งคนนวด และลูกค้าแล้วอดขำไม่ได้ค่ะ คิดถึง "หมอนวด" ที่เมืองไทย ดูแล้วน่านวดกว่ากันเยอะหลายเท่านัก คนเหล่านึ้ลองไปเที่ยวเมืองไทยเถอะ รับรองจะติดใจ








8.10.09

นามสกุล Theroux อ่านว่าอย่างไร






ยินดีมากๆค่ะที่วันอังคารได้ไปสัมภาษณ์คุณ Paul Theroux นักเขียนเรื่องท่องเที่ยวคนดังชาวอเมริกัน เน้นการท่องเที่ยวเดินทางโดยรถไฟนะคะ บางท่านอาจจะเคยอ่าน Great Railway Bazaar กันไปบ้างแล้ว ตอนนี้ดิฉันกำลังอ่าน Blinding Light อยู่ แอบถามคุณ Paul เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่ประวัติส่วนตัว แต่ถึงจะใช่ก็คงจะไม่ยอมรับอยู่ดีละคะ

เรื่องนามสกุลดิฉันก็สงสัยอยู่ว่า Theroux อ่านว่าอะไร ก็เลยถามตรงๆ คุณ พอล บอกว่า อ่านว่า เธอ-รู โดยไม่ต้องมีเสียง s ก็เลยได้บางอ้อสักที ต้นตระกูล Theroux มาจากฝรั่งเศสเมื่อกว่า 200 ปีก่อนค่ะ

เคยสืบตระกูลกันบ้างมั้ยคะ สังเกตว่าคนตะวันตกเขาจะชอบสืบสายตระกูลกันมาก เสาะหา family tree กันเป็นงานอดิเรก ดิฉันเองก็สืบๆอยู่ กลับไปได้แค่ยุครัชกาลที่สี่เอง อยากจะย้อนกลับไปได้ไกลกว่านั้นค่ะ

เรื่องสืบตระกูลนี่ เห็นว่าตระกูลขงจื๊อ มีผู้สืบสายหลายแสนคนทั่วโลกแล้ว

คนจีนไปได้ทุกที่ที่มีแสงตะวันจริงๆ


27.9.09

Bangkok Climate Change Talks 2009

“Bangkok Climate Change Talks 2009”

เวทีสำคัญของการประชุมระดับโลกว่าด้วย ความเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลก “Climate Change” ที่ทั้งโลกกำลังตื่นตัว จะมีขึ้น 28 กันยายน ถึง 9 ตุลาคม ที่สหประชาชาติกรุงเทพค่ะ

เป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองกันห้าระลอกในระดับนานาชาติ ว่าด้วยเรื่อง United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) สองเดือนก่อนจะมีการประชุมครั้งใหญ่เดือนธันวาคม ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว 180 ประเทศทั่วโลกตกลงกันว่าช่วง 2 ปีที่กำลังจะผ่านพ้นเป็นช่วงเวลาแห่งการพูดคุย ต่อรอง เจรจา ก่อนที่จะนำเสนอผลการประชุมที่ประเทศเดนมาร์ค

งานใหญ่ครั้งนี้จะมีผู้ร่วมประชุมจากทั่วโลกกว่า 2500 คนค่ะ กรุงเทพได้ต้อนรับแขกสำคัญขนาดนี้ แ ละจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จำนวนคนมากๆไม่สำคัญเท่ากับผลที่จะตามมาว่าได้คุณภาพขนาดไหน เพื่อความร่วมมือในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

งานใหญ่ขนาดนี้คนไทยไม่สนใจไม่ได้ค่ะ

22.9.09

นายพล "วัง เปา" กับชะตากรรม ม้งลาว ในไทย


ม้งลาวในไทยเหลืออยู่ 4,511 คนค่ะ แหล่งข่าวระดับสูงในวงการความมั่นคงของไทยบอก และจะต้องส่งกลับไปให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวดูแลต่อ และทางลาวจะรับกลับไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นี้

คนม้งลาวอพยพออกมาจากลาวในช่วงสงครามเวียดนาม คนกลุ่มนี้เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามเวียดนาม พอสงครามจบ ค.ศ. 1975 ทั้งผู้นำม้งลาว ทั้งคนม้งลาว ต้องหาทางออกไปจากลาว เพราะทางการลาวย่อมถือว่าเป็นศัตรูของชาติ นายพลวังเปา ผู้นำม้งลาวพลัดถิ่นไปอยู่สหรัฐ และกลายเป็นผู้นำท้องถิ่น ที่คนม้งลาวให้ความเคารพนับถือตั้งแต่บัดนั้น

เมื่อ 19 กันยายน ศาลแขวงที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซาคราเมนโต ของสหรัฐ ตัดสินยกเลิกข้อหาวางแผนทำลายล้างรัฐบาลลาว ต่อนายพล วังเปา หลังจากจับเขาไปอยู่ในเรือนจำเดือนมิถุนายน สองปีก่อน นายพล วัง เปา เป็นที่รักของคนม้งลาวในสหรัฐเป็นอันมาก ผู้คนประท้วงศาลในสหรัฐมาหลายรอบแล้วเพราะต้องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวท่านนายพล ที่พวกเขาเคารพรักเหมือนเป็นประมุขสูงสุด

ตอนที่ถูกจับนายพล วังเปา ถูกศาลตั้งข้อหาว่า จัดหาอาวุธ ให้เงิน และสมคบคิดกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อล้มล้างรัฐบาลลาว สองวันก่อน นายพล วังเปา ได้รับการปล่อยตัวแต่เพียงผู้เดียวและยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งปวง แต่จำเลยคนอื่นๆยังถูกกักขังและจะต้องถูกสอบสวนต่อไป

แหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงในไทยบอกว่า รัฐบาลลาวกระซิบบอกว่า ถ้าสิ้นปีนี้ ทางการไทยส่งตัวม้งลาวกลับไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น หลังจากนั้นจะไม่รับแล้ว และบอกว่าที่ผ่านมาเป็นกังวลกับกลุ่มม้งลาวในไทยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่

ม้งลาวที่ถูกส่งกลับไปตอนนี้ จะได้รับสถานะเหมือนคนลาว ได้รับการนิรโทษกรรม และอาจจะได้รับการจัดสรรที่ดินให้ทำกินต่อไปในประเทศ แต่ถ้าหยั่งใจดูคนม้งลาวในไทยไม่อยากไปลาวค่ะ ต้องการจะไปตั้งถิ่นฐานในสหรัฐมากกว่า แต่รัฐบาลสหรัฐปิดประตูรับม้งลาวไปอยู่ที่อเมริกาแล้ว

ดูเหมือนจะเหลือทางเดียว คือกลับ สปป. ลาว น่าเห็นใจยิ่งนักกับชีวิตคนที่แขวนอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ผู้บริหารในระดับรัฐบาลเป็นผู้บงการชีวิต
ประวัติศาสตร์ที่ติดมากับผู้คนจะทำให้หายไป แล้วนับหนึ่งกันใหม่ในคนรุ่นนี้ได้หรือ อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าช่วงชีวิตของคนรุ่นเดียว!




19.9.09

อังเกล่า แมร์เคิล ขวัญใจคนเยอรมัน?



กำลังเข้มข้นกับการเมืองในเยอรมนี โดยเฉพาะเมื่อนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อังเกล่า แมร์เคิล เตรียมจะลงชิงชัยอีกครั้ง ในวันที่ 27 กันยายนี้ค่ะ

ตอนนี้เห็นภาพของเธอไปทั่วเมือง ทั้งป้ายโฆษณา ในหนังสือพิมพ์ และ ทางทีวี

ภาพที่เห็นใช่สุดขาวมาจากหนังสือพิมพ์ Berliner Zeitung ฉบับล่าสุดค่ะ อยากจะอ่านออกว่าเขาเขียนว่าอะไรบ้าง จากรายงานของสำนักข่าวบีบีซี ตอนนี้พรรค CDU ของเธอนำหน้าพรรคคู่แข่งอยู่หลายขุม และมีทีท่าว่าตอนนี้เธอเป็นนักการเมืองเนื้อหอมที่สุดไปแล้วค่ะ

สี่ปีก่อนตอนที่ชนะการเลือกตั้ง แมร์เคิล ยังดูน่าเบื่อ ดูไม่ทันสมัย แต่ผู้ติดตามการเมืองบอกว่าความเห็นเหล่านั้นประมาทเธอมากเกินไป เพราะที่จริงเธอเป็นนักการเมืองที่ไม่ต้องไปใส่ใจกับภาพลักษณ์ภายนอก เพราะว่าเธอเป็นนักการเมืองมืออาชีพ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ จนตอนนี้เรียกได้ว่ามีรูปแบบของตนเองในความเป็นผู้นำ

นักวิจารณ์บอกว่า คนเยอรมันไม่โง่ พวกเขารู้ว่าต้องเลือกใครเข้ามาทำงานถึงจะเหมาะสมและตอนนี้เขาต้องการผู้นำที่เอาจริงเอาจัง และไว้เนื้อเชื่อใจได้ ที่สำคัญเธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

ผลงานที่ประชาชนยอมรับกันมากและเทคะแนนให้แมร์เคิลมากขึ้น ก็คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เยอรมนีตอนนี้ก้าวพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้แล้ว

ตอนนี้พรรค CDU ของเธอเป็นพันธมิตรร่วมกับพรรค CSU อย่างหลวมๆแต่เสียงของสองพรรคนี้คาดว่าจะไม่พอที่จะตั้งรัฐบาลร่วมกัน แมร์เคิลก็คงจะหันไปจีบพรรค FDP ที่เน้นความสำคัญของนักธุรกิจให้มาแทนที่พรรค SPD อดีตรัฐบาล ที่ได้มาจัดตั้งรัฐบาลนี้ร่วมกัน

ความโดดเด่นของเธอ อาจจะมาจากความอ่อนแอของคู่แข่งสำคัญ Frank-Walter Steinmeier จากพรรค SPD เพราะนอกจากจะกุมหัวใจของคนเยอรมันไม่ได้แล้ว ภายในพรรคเองยังเต็มไปด้วยปัญหาต่อสู้กันเอง

คนเยอรมันคงยังไม่อยากเลือกอะไรใหม่ๆ เพราะของเดิมที่มีกำลังดีอยู่แล้ว

ชอบใจจริงๆที่เขาบอกว่าคนเยอรมันไม่โง่ รู้ว่าเลือกอะไรแล้วจะดีกับประเทศตนเอง เลือกคนจากเนื้อหาสาระ.....จะมีนักวิจารณ์มาพูดถึงคนไทยแบบนี้บ้างไหมหนอ?

15.9.09

"dirty dancer" จากไปแล้ว


ต่อสู้มานานกับมะเร็งตับอ่อนถึง 20 เดือน Patrick Swayze เสียชีวิตแล้วในวัย 57 ปี ด้วยความสงบพร้อมหน้าพร้อมตาไปด้วยครอบครัวที่ดูแลอยู่ใกล้ๆ
หนังเรื่องแรกที่ดิฉันได้ชมฝีมือของ Patrick ก็คือ dirty dancing ค่ะ ดูกันเพลินกับท่าเต้นของพระเอกนางเอก แถมเพลงเพราะๆ The Time of My Life และเพลง She's like the wind ที่ Patrick ร่วมเขียนด้วย หนังเรื่องนี้ติดอันดับว่าเป็นหนังฮอลลีวู้ดที่มีคนชมมากที่สุด ไม่น่าแปลกใจกับความสามารถเรื่องเต้นรำ เพราะเขาเคยร่วมแสดงกับ New York City ballet ก่อนจะย้ายไปแสดงที่บรอดเวย์ แถมแม่ของเขายังเปิดสตูดิโอสอนเต้นบัลเลต์ด้วยทำให้เขาได้ฝึกฝนอย่างหนักในวัยเด็ก
หลายท่านอาจจะชอบหนังเรื่อง Ghost กับนางเอกเดมี่ มัวร์ ตอนนั้นทรงผมของมัวร์ ฮิตกันไปทั่วโลกเลย แถมเนื้อเรื่องยังซาบซึ้งของพระเอกนางเอก ตามมาด้วยความฮาของ Whoopi Goldberg ที่ทำให้เรื่องนี้ประทับใจไม่น้อยค่ะ
ที่ดิฉันเห็นว่า Patrick พลิกบทมากที่สุดก็คือเรื่อง To Wong Foo จากหนุ่มมาดแมน มาเป็นสาวงาม จิตใจดี เหมือนนางฟ้า ค่อยๆพูดค่อยๆจา พร้อมด้วยหนุ่มล่ำอย่าง Wesley Snipes และ John Leguizamo ที่พลิกบทมาเป็น drag queen กันอย่างถึงบทบาท จนคนดูต้องเทใจให้กับความน่ารักของสามหนุ่มค่ะ
Patrick พบว่าเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน เมื่อเดือนมกราคม ปีที่แล้วค่ะ แต่ก็ใจสู้ต่อสู้กับมะเร็งร้ายมาตลอด และไม่ยอมปลดระวางตัวเอง ออกจากซีรีส์เรื่อง Beast ที่เขารับบทหนักอยู่ด้วย เขาบอกว่าทั้งกลัวทั้งโกรธ ที่พบว่าตนเองเป็นมะเร็ง
สู้จนวินาทีสุดท้าย ร่วมแสดงความเสียใจด้วยค่ะ

9.9.09

สื่อเทศมองไทย

คลิ๊กชม เปรียบเทียบบทเรียนที่สื่อจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นกระจกสะท้อนความขัดแย้งการเมืองไทย

กับงานสัมมนาที่สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คืนนี้ตอบโจทย์ จะคุยกันแบบเจาะลึกกับทีมนักวิจัยด้วยค่ะ

7.9.09

ยูเอ็น นายกฯ และ อาถรรพณ์เลข 19

กำลังเกิดกระแสกังวลว่าจะเกิดอาถรรพณ์ 19 กันยายน กับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ในการประชุมที่สหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้

คลิ๊กปังความเห็นของดิฉันค่ะว่านายกรัฐมนตรีน่าจะไป หรือ ไม่น่าจะไป

6.9.09

อดีตนายก กับผลสำรวจ


อาจจะเป็นเพราะใกล้วันที่ 19 กันยายน ก็เป็นได้ วันครบรอบ 3 ปีปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549 ช่วงนี้เลยได้ติดตามข่าวคราวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กันค่อนข้างมาก นำร่องมาจากทวิตเตอร์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องลงทุนในอาฟริกา เรื่องเดินทางไปมัลดีฟส์ และล่าสุดที่ว่าจะไปลงทุนทำธุรกิจเฮลิคอปเตอร์แบบมีชูชีพ แถมด้วยการจัดรายการวิทยุสดๆทางอินเตอร์เนต

แต่ล่าสุดวันนี้ที่คนฟังทางสถานีวิทยุ "กระแสหลัก" ก็ได้มีโอกาสฟังสัมภาษณ์ในรายการวิทยุคลื่น fm100.5 ของ อสมท. และบอกว่าพร้อมคุยกับรัฐบาล แถมยังเสริมว่าเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจใดสั่งการได้

ไม่แน่ใจว่าคุณทักษิณอยากจะใช้วิธี "คุย" กับรัฐบาลจริงๆหรือ และถ้าจริงๆจะคุยกันเรื่องอะไร เตรียมวาระที่จะคุยเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองหรืออย่างไร หรือจะเป็นการคุยเพื่อยื่นข้อเสนอจากฝั่งตนมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มเสื้อแดงนัดวันกันแล้วว่าจะชุมนุมกัน 19 กันยายน

น่าสนใจกับความรู้สึกของประชาชนผ่านการสำรวจของสวนดุสิตโพลที่ออกมาล่าสุด ทีชี้ว่าสิ่งที่ประชาชนเป็นกังวลมากที่สุดตอนนี้ก็คือการชุมนุมกันของเสื้อแดง และอันดับสองตามมาด้วยการรุกเชิงข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ

สะท้อนความหนักอกหนักใจของผู้คนในบ้านเมืองที่หวังจะได้เห็นการเมืองเดินหน้า แต่ก็ยังติดกับกับความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศที่ยังเดินไปไหนไม่ได้สักที

5.9.09

ก้านกล้วย ผู้น่ารัก


หมาพันธุ์ St.Bernard อาจจะกำลังกลายเป็นจำเลยไปแล้วนะคะ เพราะว่าไปกัดเด็กวัย 5 ขวบคนหนึ่งที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่จะไปโทษหมาอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ในช่วงตอบโจทย์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่เพิ่งจะผ่านพ้น คุณชื่นชนก ณ ป้อมเพชร ผู้เลี้ยง “ก้านกล้วย” สุนัขเซนต์เบอร์นาร์ด วัยสองขวบกว่า ก็พาเจ้าก้านกล้วยมาออกรายการด้วยนะคะ
พี่ๆที่สถานีตื่นเต้นกันยกใหญ่ มีแต่คนห้อมล้อม คงเป็นเพราะเจ้าก้านกล้วยตัวโตมาก หนักถึง 70 กิโลกรัม และก็มีอาการใจดี ไม่ส่งเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงหอบหายใจเพราะต้องเดินขึ้นบันไดหลายขั้น ต้องพักกันอยู่หลายนาทีถึงจะเดินต่อเข้าไปในห้องส่งได้

เห็นได้ชัดว่าคุณชื่นชนกดูแล ก้านกล้วยอย่างใกล้ชิดค่ะ พูดคุยกับหมาด้วยความรักและห่วงใย เป็นโชคดีของเจ้าก้านกล้วยจริงๆ

เลยขอบันทึกภาพกับดาราหน้ากล้องอย่างเจ้าก้านกล้วยซะหน่อยค่ะ เลยเวลานอนของก้านกล้วยมาเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วค่ะ โชคดีที่ไม่หงุดหงิดใส่ดิฉันเสียก่อน ปุกปุยน่ารักมากค่ะ

2.9.09

การต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ของ "เด็กชายหม่อง"


เรื่องเล็กๆที่ไม่เล็ก ของเด็กชายคนหนึ่ง

จากที่มีทีท่าว่าจะมีความหวังก็เหมือนกลับจะตาลปัตรอีกแล้วค่ะ สำหรับเด็กชายหม่อง ทองดี วัย 12 ปี ผู้ไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย เพราะเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นแรงงานต่างด้าวพม่าที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เรื่องของเด็กชายหม่องกลายเป็นประเด็นที่ต้องร่วมกันพิจารณา เพราะเป็นเรื่องไม่ธรรมดากับความสามารถในการพับเครื่องบินกระดาษร่อนอยู่ในอากาศได้นานถึงกว่า 10 วินาที แถมยังเป็นแชมป์ระดับประเทศไทย

น้องหม่อง มีความหวังอย่างเต็มที่และขยันฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่นในอีกไม่กี่วันนี้

น้องหม่องบอกว่า พร้อมที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทย ทั้งๆที่กฎหมายของประเทศที่เขาเกิด ยึดโยงว่าน้องหม่อง เป็นคนชายขอบ เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะสัญชาติ และถูกจำกัดบริเวณในการออกนอกราชอาณาจักร

น้องหม่อง ต้องการเอกสารรับรองเพื่อให้เดินทางออกไปต่างประเทศและกลับเข้าประเทศไทยได้ เพื่อร่วมแข่งขัน

แต่กรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย ให้เหตุผลว่า การอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวออกนอกราชอาณาจักร กระทรวงเซ็นอนุมัติให้ได้ แต่กลับมาไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แถมยังบอกด้วยว่าตามกำหนดพ่อแม่และเด็กชายหม่อง จะอยู่เมืองไทยได้จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2553 ถ้าไม่มีการต่อสถานะแสดงว่าอยู่เมืองไทยต่อไปไม่ได้

เป็นการขู่จากกฎหมายที่ออกโดยรัฐชาติ จากรัฐบาลกลาง เพื่อต้องการควบคุมคนที่ได้ชื่อว่า เป็น “คนชายขอบ” ในสังคมไทยหรือเปล่าคะ

หมายความว่า “คนชายขอบ” จะไม่มีทางได้แสดงความสามารถ จะต้องถูกกดไว้โดยกฎหมาย ถึงแม้จะมีความสามารถที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการแข่งขันอย่างนั้นหรือ แล้วสิ่งที่ “คนชายขอบ” ผู้มีสถานะไร้สัญชาติ ทำให้กับสังคมส่วนใหญ่และพร้อมที่จะมอบชื่อเสียงและผลงานที่ได้ให้กับประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ละ จะไม่มีความยืดหยุ่นทางกฎหมาย จะไม่มีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษให้พวกเขาเลยหรือ ดิฉันคิดว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งถ้าหากจะยึดโยงชีวิตมนุษย์ ตัดสินกันตามกรอบของกฎหมายแบบสุดโต่ง และปิดกั้นโอกาสและความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งคนใดที่จะได้รับสิทธิตามที่เขาจะพึงมีได้ให้สมกับที่ได้แสดงความสามารถแล้วให้เป็นที่ประจักษ์

หรือรัฐชาติ จะมีไว้เพียงเพื่อทำร้ายคนที่ไม่มีทางต่อสู้ ?

1.9.09

where are you?






เพิ่งมีข่าวว่าไปเยือนเหมืองเพชรที่สวาซิแลนด์เมื่อปลายสัปดาห์ทีแล้ว แถม พ.ต.ท. ทักษิณ ยังได้พบกับกษัตริย์สวาติที่ 3 แห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ด้วย
แค่ไปเยือนสวาซิแลนด์ก็น่าสนใจแล้ว กับประเทศที่ยังปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เพียงแห่งเดียวในโลกและประมุขของประเทศมีอำนาจสูงสุดเพียงผู้เดียว แต่มีคนตั้งคำถามว่าไปถึงสวาซิแลนด์แล้วทำไมไม่ได้ไปเยือนอาฟริกาใต้ต่อเลย เพราะมีเหมืองทองเหมืองเพชรที่คุณทักษิณ สนใจด้วย
แว่วมาว่าล่าสุดจะจัดรายการวิทยุผ่านทางเวปไซต์สดๆคืนนี้ออกอากาศมาที่ประเทศไทยด้วยเวลา 20.30 น. เป็นต้นไป แล้วจะเดินทางกลับไปต่อที่ดูไบ คุณทักษิณบอกใน twitter ว่าไม่อยากเปิดเผยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนเพราะเกรงจะทำให้เจ้าของประเทศเขาหนักใจ วันนี้คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีบอกจัดตั้งทีมงานตรวจสอบเนื้อหาของรายการวิทยุแล้ว....
Thaksin, where are you?

22.8.09

สัมภาษณ์พิเศษ ศ.มูฮัมหมัด ยูนุส


ออกอากาศทาง "ที่นี่ ทีวีไทย" ไปแล้วเมื่อคืนนี้นะคะ คัดบทสัมภาษณ์พิเศษ ศาตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส มาให้อ่านกันอีกรอบ กับแนวคิดที่ไม่ธรรมดาและความเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความสามารถเมื่อได้รับโอกาสและเงินทุนให้พัฒนาพรสวรรค์ของตน เป็นการหยิบยื่นโอกาสให้กับคนยากจนที่ถูกระบบปฏิเสธ แนวคิดที่ยืนหยัดกว่า 30 ปี ทำให้อาจารย์ยูนุส ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ปี 2549....ตัวหนังสือเยอะนิดหน่อย ค่อยๆอ่านแบบใจเย็นๆนะคะ


ณัฏฐา: ธนาคารกรามีน จากวันแรกที่ท่านเริ่มสร้างเมื่อปี 2528ตอนนี้มีผู้ยืม 8 ล้านคน ร้อยละ 97 เป็นผู้หญิง จะเรียกว่าเป็นธนาคารเพื่อคนจน หรือ ธนาคารเพื่อผู้หญิงยากจนดีคะ

ยูนุส: ชื่อไหนก็ได้ นี่คือธนาคารที่ปล่อยกู้ให้คนยากจน ร้อยละ 97 ของผู้กู้เป็นผู้หญิงพวกเธอเป็นเจ้าของธนาคารด้วย ธนาคารมีผู้หญิงยากจนเป็นเจ้าของ เราปล่อยกู้เพื่อให้พวกเธอไปทำกิจกรรมที่สร้างรายได้เพื่อตนเอง และเพื่อให้หลุดพ้นออกจากความยากจนทีละขั้น พวกเธอเปิดบัญชีฝากเงินได้ เพื่อออมเงินกับธนาคารด้วย


ณัฏฐา: ถ้าท่านเปรียบเทียบกับเมืองในพื้นที่ต่างกัน สภาพของนครนิวยอร์ค น่าจะแตกต่างจากบังคลาเทศ
ทำไมแนวคิดธนาคารกรามีน ถึงเกิดขึ้นในพื้นที่ภายในเมืองใหญ่ๆอย่างนิวยอร์ค และ กลาสโกว์

ยูนุส: เพราะว่าความต้องการเหมือนกัน ประเทศอาจจะแตกต่างแต่คนร่ำรวยก็รวยต่อไป คนยากจนก็ยังจนอยู่
ไม่ว่าจะอยู่ที่บังคลาเทศ นิวยอร์ค หรือ กลาสโกว์ ผู้คนไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ แต่ต้องการเงินก้อนหนึ่ง
เพื่อที่จะได้ใช้ความสามารถเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรม เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเด็ก
เลี้ยงสุนัข หรือเริ่มทำศูนย์เลี้ยงเด็ก หรือเริ่มขายอาหารเพื่อดูแลลูกและพวกเธอเอง สำหรับผม
ความต้องการของทุกคนเหมือนกัน คุณอาจจะพูดต่างภาษา ผ่านการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน แต่จิตวิญญาณ
ของคนยากจนล้วนมาจากสิ่งเดียวกัน ก็คือพวกเขาถูกปฏิเสธ ถูกปฏิเสธจากระบบ พวกเขาไม่มีโอกาส
เหมือนคนอื่นๆ ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ

ณัฏฐา: ดูเหมือนท่านมีเรื่องราวแห่งความสำเร็จของธนาคารกรามีน กรุณาเล่ากรณีที่ไม่สำเร็จบ้างค่ะ
ยูนุส: กรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จก็น่าจะเป็นลูกหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลูก 6 คน สามีเธอไม่ค่อยสบาย
ลูกสาว ลูกชายก็ป่วย ทุกครั้งที่เธอมีรายได้ ก็ต้องใช้เงินเหล่านั้นไปกับการดูแลสามีและลูก ทำให้
เธอพัฒนากิจการไม่ได้ เธอยังต้องจมอยู่กับความยากจน แต่เธอก็ต้องประคองตัวให้อยู่รอดคนเหล่านี้ต้องติดกับดักของสถานการณ์ดั้งเดิมที่พวกเขาเผชิญ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอล้มเหลว เพราะว่าก็ได้พยายามใหม่หลายครั้งเพื่อที่จะให้ชีวิตเดินหน้าต่อไป เราก็พยายามช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ไม่ใช่ว่าพอเธอก้าวไม่พ้นความยากจนแล้วเราจะทอดทิ้งเธอ ไม่ใช่เราต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แนะนำมากขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะหลุดพ้นจากความเลวร้ายในที่สุด

ณัฏฐา: กับความสำเร็จและความนิยมในธนาคารกรามีนท่านจะป้องกันอย่างไร ไม่ให้นักการเมืองแสวงหา
ผลประโยชน์จากแนวคิดนี้ โดยไปให้สัญญากับชาวบ้านเพียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ทำตามที่สัญญา

ยูนุส: เราพยายามอธิบายให้นักการเมืองเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับการปล่อย
สินเชื่อรายย่อย เราบอกว่ารัฐบาลกับสินเชื่อรายย่อยไปด้วยกันไม่ได้ รัฐบาลควรจะสนับสนุนโดยวาง
แนวทางเรื่องกฎหมาย และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการขอสินเชื่อ แต่ต้องไม่เข้ามาบริหารงานเอง
เพราะถ้ารัฐบาลเข้ามาจัดการเองก็จะกลายเป็นเรื่องทางการเมือง นักการเมืองจะไปสร้างข้อต่อรองกับ
ชาวบ้านว่าถ้าอยากได้สินเชื่อก็ต้องลงเสียงให้ มากกว่าจะได้เงินคืนจากชาวบ้าน และเมื่อความต้องการนี้
หายไปก็จะทำให้ระบบธนาคารที่สร้างไว้เพื่อคนยากจนหายไป

ณัฏฐา : อีก 5 ปี ท่านคิดว่าจะทำอะไรคะ จะกลับไปทำงานการเมืองอย่างที่เคยทำเมื่อปี 2539 หรือไม่คะ
ทำไมตอนนั้นถึงถอนตัวออกมาจากการเมือง

ยูนุส : เกิดภาวะวิกฤตในประเทศครับช่วงนั้น แล้วพอปี2550 และ 2551 ก็มีคนกระตุ้นว่าน่าจะตั้งพรรค
การเมืองเพื่อแก้ปัญหา เพราะแรงกดดันทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปในวงการการเมือง และตั้งพรรค
แต่ผมก็เห็นความยากลำบาก ตอนนั้นผมพยายามชักชวนเพื่อนฝูงที่เป็นคนดีๆ ในหลายวงการ
ทั้งนักธุรกิจคนมีความสามารถ แต่พวกเขาปฏิเสธผมชักชวนให้พวกเขาเข้าร่วมในการเมืองไม่ได้

ในที่สุดหลังจากผ่านไป 2 เดือน ผมบอกตัวเองว่า พอแล้ว ผมไม่ต้องการทำงานการเมืองอีกต่อไป
ผมจะทำในสิ่งที่ผมชอบ ผมคิดอย่างนั้นครับ

ณัฏฐา: ท่านเคยบอกไว้ว่าจะลดความยากจนในโลกให้เหลือครึ่งเดียวในปี 2558 และในปี 2573
จะต้องมีพิพิธภัณฑ์แห่งความยากจน ท่านยังมั่นใจอยู่ไหมคะว่าจะเป็นจริงอย่างที่ว่า

ยูนุส: ผมจริงจังกับเรื่องนี้มาก เป้าหมายแรกในปี 2558เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ
ที่จะต้องลดความยากจนในโลกให้เหลือครึ่งเดียวในปี 2558 นี่เป็นคำมั่นในระดับโลก ไม่เฉพาะแต่
บังคลาเทศ หรือประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยกำลังทำ ที่บังคลาเทศ
กำลังทำ และหลายประเทศจะทำได้ตามเป้าหมาย เราต้องการลดความยากจนให้ได้ในปี 2558
ผมถามคำถามว่าถ้าเรารู้ว่าเราจะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ ทำไมเราไม่ตัดสินใจตั้งเป้าว่า ปีไหนที่เราจะ
ทำให้ความยากจนเหลือศูนย์ หมายความว่าจะไม่มีคนจนอีกแล้วในประเทศ คนในบังคลาเทศเลย
คิดกันว่าน่าจะตั้งเป้าว่าในปี 2573 จะไม่มีคนยากจนเหลืออยู่ในบังคลาเทศอีกต่อไป ในปี 2573 และถ้าทำสำเร็จจริง เราก็จะได้สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งความยากจน เพื่อที่ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน เวลาที่ต้องการ
รู้สภาพของความยากจน จะได้เรียนรู้ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นเมื่อเราไม่มีความยากจนแล้ว พวกเขา
ก็ต้องไปเรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์

19.8.09

Yunus กับ Grameen Bank ในประเทศร่ำรวย



มีโอกาสได้สัมภาษณ์ Professor Muhummad Yunus เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี 2006 กับแนวคิด "ธนาคารคนจน" Grameen Bank จนถึงวันนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งนะคะ กับผู้ยืม 8 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงถึง 97% นะคะ

แนวคิดนี้ไม่ได้เติบโตเฉพาะที่ต้นตำรับอย่างบังคลาเทศ แต่กำลังเบ่งบานในจีน ซิบบับเว นครใหญ่ๆของโลกอย่างนิวยอร์ค และ กลาสโกว์ด้วย

คอยติดตามกันกับตอบโจทย์วันศุกร์นี้ค่ะ ว่าทำไม Yunus ถึงไม่ค่อยเห็นดีเห็นงามกับระบบสวัสดิการสังคม welfare state system พร้อมรายละเอียดในแง่มุมภูมิภาคและไทยด้วย

15.8.09

ชัยชนะของ Jim Webb กับอนาคต ออง ซาน ซูจี


วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคมนี้ ระหว่างแถลงข่าวที่โรงแรม Four Seasons ที่กรุงเทพ อาจจะได้เห็น Jim Webb วุฒิสมาชิกสหรัฐแสดงชัยชนะ และความภาคภูมิใจที่ได้เจรจากับรัฐบาลทหารพม่าสำเร็จ จนตกลงที่จะปล่อยตัวนาย John William Yettaw แขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่ว่ายน้ำไปเข้าบ้านพักนางออง ซาน ซูจี จนเขาต้องถูกตัดสินจำคุกในที่สุดอีก 7 ปี ขณะที่นางออง ซาน ซูจี ก็โดนสั่งกักบริเวณต่อในบ้านพักอีก 18 เดือน

สำนักงานของ Webb รายงานด้วยว่า วันนี้เขาได้รับอนุญาติจากผู้นำอาวุโสของพม่า นายพล ตันฉ่วย ให้ได้พูดคุยกับนาง ออง ซาน ซูจี ที่บ้านพักของรัฐใกล้กับบ้านของเธอ เป็นเวลานานถึง 40 นาที

เป็นผลงานถึงสองต่อที่ชัดเจนของ นาย Webb วุฒิสมาชิก และ อนุกรรมการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านเอเชียตะวันออกและแปซิฟิค (Foreign Relations subcommittee on East Asia and Pacific Affairs) กับการมาเยือนพม่าในครั้งนี้ นอกจากจะได้นาย Yettaw กลับบ้านด้วยแล้ว ยังจะได้พูดคุย ลงลึกถึงรายละเอียดได้อย่างชัดเจนว่าตลอดเวลาของการพูดคุย 40 นาที ได้หารือเรื่องใดบ้างกับนาง ออง ซาน ซูจี

แค่ได้พบก็ถือเป็นประเด็นแล้ว นี่ยังได้หารือกันด้วย ก่อนหน้านี้นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ลงทุนลงแรงไปพม่าเองก็ยังถูกปฏิเสธไม่ได้พบนางซูจี แม้แต่น้อย

นาย Webb ย้ำว่าเป็นโอกาสดีที่ต้องเร่งทำงานในจังหวะนี้ที่ท่าทีของทหารพม่าอ่อนลงเพื่อเสริมสร้างรากฐานของความมุ่งมั่นที่ดีและความมั่นใจที่จะสร้างอนาคตต่อไป

หยอดคำหวานสมกับเป็นวุฒิสมาชิกที่สหรัฐไว้ใจส่งให้มาเยือนพม่าในครั้งนี้ และดูเหมือนจะรับลูกกันได้ดีกับคำพูดของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐที่กล่าวก่อนหน้านี้ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ภูเก็ตว่า ถ้าพม่าปล่อยนางออง ซาน ซูจี สหรัฐจะเข้าไปลงทุนในพม่าเพิ่มมากขึ้น

หรือพม่ากำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ?!?

9.8.09

ระวัง ดีเซล แพงเกินลิตรละ 30 บาท



ราคาน้ำมันดีเซล เฉียดลิตรละ 30 บาทเข้าไปทุกทีนะคะ มีผลมากกับการผลิต การให้บริการขนส่งในประเทศไทย แต่ล่าสุดนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งจะย้ำไปนะคะว่า จะไม่ยอมให้ราคาน้ำมันเพงเกิน 30 บาทต่อลิตรแน่นอน

แถมยังย้ำด้วยว่าที่ผ่านมาที่เก็บเงินสะสมเข้ากองทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะได้เวลาแล้วที่จะเอาเงินกองทุนสะสมเหล่านั้นนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันแพง

คนใช้น้ำมันอาจจะเบาใจลงบ้าง แต่ก็ต้องคอยดูว่าจะพยุงไว้ได้ขนาดไหน เมื่อโครงสร้างราคาน้ำมันยังมีหลายปัจจัย ทั้งกองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์ ค่าการตลาด ล้วนแต่เป็นสัดส่วนสูง ทำให้ราคาน้ำมันในไทยแพงทั้งนั้น

8.8.09

my newish English blog

News Round-UP
To follow what's going on around the world, I have 'launched' a new blog, News Round UP.
Not to miss the train, I have to begin with latest gossip about 'twitter'.
Well, feel free to visit.
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการ up blog ติดตามเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มเติมได้ค่ะ ที่ http://www.natthatvthai.blogspot.com/

7.8.09

นกกระจิบ โดน แฮค


เพิ่งจะบางอ้อ ว่าทำไมวันนี้ทั้งวันทวิตเตอร์มีอาการช้าๆ ซึมๆ ที่แท้โดน hackers บุกนี่เอง ผู้จัดการเวปไซต์ทวิตเตอร์ บอกว่าต้องเร่งทำงานเพื่อต่อสู้กับ “defending against a denial-of-service-attack” ศึกสงครามในโลกไซเบอร์ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับเวปไซต์ยอดฮิตติดอันดับโลกไปแล้วอย่าง twitter

คนทำงานบางคนบอกว่ามีอาการ “หลงทาง” เมื่อปราศจากทวิตเตอร์เลยนะคะ เพราะว่ากลายเป็นเวปไซต์ที่ติดตามข่าวสาร นัดหมายกับเพื่อนฝูง และอย่างทันท่วงที

Facebook ก็มีอาการช้าๆ ซึมๆ เช่นกันระหว่างวัน

แต่ตอนนี้คนใช้ทั่วโลกคงเริ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเพราะอาการฟื้นตัวแล้ว หลังจากระดมพลผู้เชี่ยวชาญเรื่องโปรแกรมต่อสู้กันยกใหญ่

แต่เรื่องการใช้เวปไซต์เครือข่ายสังคมอาจารย์ด้านนิเทศศาสตร์ เปรยๆไว้ว่าจะยิ่งทำให้คนโลกทัศน์แคบลงเพราะจะสนใจแต่คนในวงที่ตนเองอยากจะสนใจ เรียกได้ว่าปิดรับข่าวสารของคนกลุ่มอื่นๆ สนแต่กลุ่มตนเอง

เรื่องนี้ก็คงต้องฟังหูไว้หูกันเอาเองนะคะ ปรับให้เข้ากับชีวิตของแต่ละคนน่าจะดีที่สุด

5.8.09

บันทึกภาพประวัติศาสตร์ สหรัฐ - เกาหลีเหนือ



กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ไปแล้วค่ะ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และ คิม จอง อิล ประธานาธิบเกาหลีเหนือ บันทึกภาพร่วมกัน ในการเยือนเกาหลีเหนือแบบส่วนตัวของอดีตผู้นำเมืองลุงแซม

คลินตัน บอกว่ามีข่าวสารฝากมาจากประธานาธิบดีโอบามาด้วย แต่ทางทำเนียบไวท์เฮาส์ต้องรีบออกมาแก้ข่าวว่าไม่จริง โอบามาไม่ได้ฝากอะไรมากับคลินตันเลย

คาดว่าไปเยือนครั้งนี้เพื่อเจรจาให้ผู้นำเกาหลีเหนือปล่อยตัวสองผู้สื่อข่าว ยูน่า หลี และลอร่า หลิง ผู้สื่อข่าวของ Current Media ของอดีตรองประธานาธิบดีอัลกอร์ ที่ถูกจับตัวไปขณะทำงานอยู่ที่พรมแดนจีนเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนมีนาคม และถูกสั่งตัดสินจำคุกนานถึง 12 ปีเมื่อเดือนมิถุนายน

แต่การไปเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งค่ะ เพราะเกาหลีเหนือมีท่าทีเย็นชามาตลอดเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ที่ไม่เคยฟังเสียงทัดทานจากที่ประชุมหกฝ่าย ที่มีจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ และ ญี่ปุ่น

เกาหลีเหนือไม่ได้แจ้งล่วงหน้าเลยสำหรับการเยือนครั้งนี้ค่ะ แต่ก็เรียกได้ว่าต้อนรับกันอย่างยิ่งใหญ่ทีเดียว นักวิเคราะห์มองกันว่าครั้งนี้คลินตันอาจจะสร้างคุณูปการในเชิงการทูตให้กับสหรัฐและน่าจะทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางเป็นบวกมากขึ้น แต่จนถึงตอนนี้เกาหลีเหนือยังไม่แสดงท่าทีตอบสนองนะคะว่าจะยอมปล่อยตัวสองผู้สื่อข่าวสาวหรือไม่

น่าคิดว่า ฮิลลารี คลินตัน จะคิดอย่างไรเพราะเธอเพิ่งปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการทูตของเกาหลีเหนือ ตอนร่วมประชุมเออาร์เอฟ ที่ภูเก็ต เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หรือจะวางหมากกันไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้

1.8.09

ไว้อาลัย "tita" ของฟิลิปปินส์


ท่ามกลางกระแสแปลกแยกเรื่องการต่อสู้ทางการเมือง ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในรัฐบาล ข่าวการจากไปของนางคอราซอน อาคิโน แทบจะหยุดลมหายใจของความตึงเครียดไว้ได้ชั่วขณะค่ะ ฟิลิปปินส์กำลังเศร้าโศกกับการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีหญิงผู้นี้ ในวัย 76 ปี หลังจากทนรักษาตัวจากโรคมะเร็งนานนับปี

ผู้คนจดจำ “Tita” กับแนวทางการต่อสู้แบบอหิงสาตามเส้นทางของสามี “Ninoy” อดีตสมาชิกวุฒิสภาที่เตรียมลงต่อสู้เป็นประธานาธิบดี แต่มาโดนลอบสังหารเสียก่อน Cory เลยได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามให้ต้องลงชิงชัยเพื่อเป็นประนาธิบดีแข่งกับเฟอร์ดินัน มาร์กอส ในยุคนั้น

การต่อสู้ของ Cory พร้อมกับประชาชนได้กลายเป็นจุดกำเนิดของ People Power ต้นแบบการต่อสู้เพื่อโค่นอดีตผู้นำมาร์กอส เมื่อวันที่ Cory ขึ้นเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ในปี 1986

บทบรรณาธิการของ Philippines Daily Inquirer ยกย่องว่า Cory เป็นอดีตประธานาธิบดีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ไม่เคยแสวงหาอำนาจแต่กลับหาจังหวะเวลาที่จะกระจายอำนาจให้กับประชาชน ในเวลาที่เธอมีอำนาจอยู่เต็มมือ ทำให้เธอมีจุดยืนที่ชัดเจนกับการสนับสนุนประชาธิปไตย และสานต่อเจตนารมณ์ของสามี

รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศจะไว้อาลัยให้กับนางอาคิโน 10 วัน สถานที่ราชการจะลดธงลงครึ่งเสาด้วย

30.7.09

รอผลตัดสินอองซาน ซูจี


อาจจะถอดใจกัน อาจจะไม่มีลุ้น สำหรับคำตัดสินคดีของนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านของพม่า เมื่อผู้สื่อข่าวที่ทราบข่าววงในกระซิบบอกดิฉันด้วยว่า คงจะถูกสั่งจำคุกต่ออีก 3-5 ปี แต่ดิฉันเองก็ไม่อยากจะถอดใจนะคะ คิดว่าก็ต้องรอฟังผลกันให้ชัดเจนอยู่ดี ทั่วโลกก็เฝ้ามองอยู่ละคะ ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

เจ้าตัวเองยังถึงกับเอ่ยปากว่า "the verdict will be painfully obvious" หมายความว่าผลการตัดสินชัดเจนจะแจ้งกันอยู่แล้วแบบไม่ต้องเดาให้เสียเวลา

แย่ตรงที่รัฐบาลทหารพม่าไม่สนใจคำขู่จากนานาชาติเลยแม้แต่น้อย เพราะเตรียมแต่จะลุยการเลือกตั้งในปีหน้า ขืนปล่อยนางอองซาน ซูจี ออกมาตอนนี้ก็เกรงว่า พรรคฝ่ายค้าน NLD จะ "ป่วน" การเลือกตั้งได้สำเร็จ

ความหวังที่จะเห็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยท่านนี้เป็นอิสระ ริบหรี่เหลือทนค่ะ

28.7.09

twitter.com/natthatvthai



ติดตามความเคลื่อนไหวกันอีกทางได้ ทาง twitter เวปไซต์ข้อมูลข่าวสารยอดฮิตค่ะ
ขอร่วมเทรนด์ด้วยอีกคน www.twitter.com/natthatvthai

25.7.09

ยินดีกับคุณพ่อคนใหม่


เชื่อว่าหลายท่านได้ยินข่าวดีกันไปแล้ว กับคุณพ่อ Federer คุณพ่อกำลังจะอายุครบ 28 ปีเต็ม วันที่ 8 สิงหาคม นี้ แต่ได้เป็นคุณพ่อของคุณลูกสาวแฝดสองไปแล้วเมื่อสองวันก่อนนะคะ เมื่อภรรยา Mirka อดีตนักเทนนิสเก่าด้วย ได้ให้กำเนิดทารกแฝด Charlene Riva และ Myla Rose
งานนี้แฟนๆของ Federer ก็คงจะไม่พลาดนะคะ รวมทั้งดิฉันด้วยที่ขอแสดงความยินดี ถึงแม้จะช้าไปสองวัน ผู้สื่อข่าวทั้งหลายแซวว่าอาจจะต้องพิสูจน์ gene ของลูกแฝดกันเลยว่าจะมีความเป็นนักเทนนิสอยู่ในสายเลือดหรือไม่...เช่นนั้นเลย ?!?
p.s ขอบคุณทุกท่านที่ไปร่วมงานวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนา เมื่อวันเสาร์ที่แล้วนะคะ เรื่องค่อนข้างซับซ้อนแต่หวังว่าจะได้รับความรู้หลากหลายกันนะคะ

13.7.09

ARF ครั้งที่ 16 ณ เกาะภูเก็ต



ประเทศไทยกำลังจะได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองระดับโลกอีกแล้วค่ะ ช่วงวันที่ 17-23 กรกฎาคม นี้ ณ เกาะภูเก็ต
หลังจากการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม บวกหก ต้องล่มไป ที่พัทยาช่วงสงกรานต์ การประชุมอื่นๆก็ต้องเลื่อนไปเช่นกัน จนมาถึงครั้งนี้ กับสัปดาห์นี้ ที่จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และจะมี การประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจา และมีการประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค หรือ ASEAN Regional Forum ครั้งที่ 16

หลายเวทีมาเจอกันในงานเดียวค่ะ วันนี้ดิฉันได้สอบถามจากเลขาธิการอาเซียน คุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ โดยตรงกับการจัดงานใหญ่ในช่วงสัปดาห์นี้ ว่าหวังไว้ว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์ซ้ำสองอีก

ครั้งนี้รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศใหญ่ๆมากันหลายท่าน ทั้งของ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สหรัฐ นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป และ แคนาดา ที่จะมาใช้เวทีที่ภูเก็ตถกกันเรื่องการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค ฉะนั้นหวังว่าปัญหาการเมืองในไทยจะไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำรอยคราวที่แล้ว

ประเด็นสำคัญที่ “ภูเก็ต” จะเป็นเวทีหารือ ระดับนอกรอบก็คือ ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ที่ถ้าเวทีการหารือร่วมหกประเทศจะได้ “คุย” กันระลอกใหม่ที่เมืองไทยก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับไทยด้วย ที่จะได้ร่วมกันรื้อฟื้นการประชุมที่ชะงักกันไปนาน

เรื่องคาบสมุทรเกาหลีกำลังเป็นประเด็นร้อนนะคะ เพราะเกาหลีเหนือ เพิ่งจะทดลองอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม งานนี้เกาหลีเหนืออาจจะต้องถูกโดดเดี่ยวหนักยิ่งขึ้น จากกลุ่มประเทศร่วมเจรจาอื่น โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ สหรัฐ จนถึงนาทีนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือยังไม่ยืนยันว่าจะร่วมประชุมค่ะ จะส่งแต่เจ้าหน้าที่ทูตระดับกระทรวงมาร่วม ARF เท่านั้น เรื่องนี้จะคืบหน้าหรือไม่ ติดตามกันทั้งนอกรอบและในรอบของการประชุมค่ะ

7.7.09

ทั่วโลกร่วมอำลา "King of Pop"


เฟดเดอเรอร์ ได้แชมป์วิมเบิลดันไปแล้ว น้องนกนพวรรณก็คว้าแชมป์รุ่นเยาวชนไปแล้วนะคะ น่าจะสมใจคนไทยรอลุ้นอยู่ รวมทั้งดิฉันด้วย ขออภัยที่ห่างหายไปจากบล๊อกนานหลายๆๆวันค่ะ

และล่าสุดที่คืบหน้าก็คืองานร่วมไว้อาลัยกับไมเคิล แจ๊คสัน King of Pop ที่เพื่อนฝูงในวงการบันเทิง เตรียมมาร่วมกันงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันที่ Staples Center, Los Angeles

งานนี้เตรียมรำลึกกันเหมือนงานคอนเสิร์ตเลยนะคะ น่าจะมีทั้งละคร บรรดาแฟนๆที่รอกรี๊ด และคอนเสิร์ต ที่จะถ่ายทอดไปทั่วโลก ทีวีไทยก็เตรียมถ่ายทอดสดด้วยเช่นกัน ติดตามกันได้คืนนี้เกือบเที่ยงคืนนะคะ ต่อจากรายการที่นี่ทีวีไทย

แต่งานใหญ่ขนาดนี้ ดารารุ่นใหญ่อย่าง Elizabeth Taylor บอกว่าจะไม่ยอมไปร่วมงาน เพราะต้องการเก็บความทรงจำและความรู้สึกที่ใกล้ชิดสนิมสนมกับไมเคิลไว้เป็นเรื่องส่วนตัว และเกรงว่าจะพูดจาไม่ได้ศัพท์ถ้าต้องขึ้นเวทีเพื่อกล่าวไว้อาลัยให้ไมเคิล

งานนี้แฟนๆแย่งกันร่วมงานขนาดหนักค่ะ มีคนลงทะเบียนออนไลน์กันถึง 1.6 ล้านคน แต่จะมีคนได้รับเลือกได้ตั๋วร่วมงานเพียง 8,750 คนเท่านั้น หรือได้ตั๋วคนละสองใบ

อย่าลืมติดตามกันนะคะ ตั้งแต่ช่วงข่าวดึก 23.50 เป็นต้นไป จะมีคุณมาโนช พุฒตาล มาร่วมวิเคราะห์เจาะลึกทุกแง่มุมของ Michael Jackson ด้วยค่ะ


23.6.09

ศึกคอร์ทหญ้า ณ กรุงลอนดอน 2009 กับ Federer


เปิดฉากมาได้ 1 วันกว่าๆแล้วนะคะ กับการแข่งขันสุดยอดเทนนิส ประจำปี Wimbeldon 2009 ณ กรุงลอนดอน ที่แฟนๆเทนนิสที่อังกฤษและทั่วโลกตั้งตารอ

งานนี้ขอจองเชียร์ Roger Federer ขวัญใจ ผู้มีลีลาหวดแบบพลิ้วไหว ปีที่แล้วนั่งเชียร์ก็อกหักไปแล้วค่ะ เพราะน้อง Fed แพ้ Nadal นักหวดเลือดร้อนชาวสเปนไปแบบนัดประวัติศาสตร์จริงๆ

คราวนี้หนทางคงโล่งขึ้นเยอะ เพราะ Nadal ถอนตัวไม่ลงเพราะร่างกายยังไม่ฟิตกับงานนี้

Federer ได้เป็นนักเทนนิสเบอร์หนึ่งของโลกติดต่อกันนานถึง 237 สัปดาห์ หรือสี่ปีกว่าๆ และได้เป็นแชมป์หลายรายการติดกัน รวมทั้งแชมป์วิมเบิลดันห้าสมัยติดกัน ไม่ได้หวดเทนนิสฉมังอย่างเดียวนะคะ พูดเก่งคล่องแคล่วถึงห้าภาษา แถมมีลีลาตอบคำถามกวนนักข่าวไม่น้อย

นัดล่าสุดกับการลงแข่งเมื่อวานนี้ที่ Centre Court หลังจากเอาชนะได้แล้ว ระหว่างแถลงข่าวผู้สื่อข่าวคนหนึ่งใจกล้าถามว่า “You do so many interviews in so many languages and the one thing you haven’t told us is when the baby is due.” เฟดเดอเรอร์สวนตอบทันควันว่า “I am not going to tell you,” จากนั้นก็หัวเราะ แล้วพูดกับนักข่าวต่อว่า “and now we must move on to the other languages, yes.”

ลูกล่อลูกชนไม่เบาเลย แล้วอย่างนี้เมื่อไรนักข่าวอังกฤษจะได้รู้ว่ากำหนดคลอดลูกของคุณ Federer คือเมื่อไรละเนี่ย

…รอให้พูดภาษาไทยได้บ้างเถ้อออออออ……..



16.6.09

อังกฤษ "Go Digital"



ช่วงที่ทั้งโลกกำลังง่วนอยู่กับการรับมือผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดที่อังกฤษมีครูฝึกจากโรงเรียนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์ และคนขายร้านเสื้อผ้าชื่อดัง Top Shop ติดื่เชื้อไปแล้ว ก็มีอีกข่าวออกมาจากสำนักนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ เป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเรื่อง licence fee หรือค่าธรรมเนียมเพื่อรับชมรายการของบีบีซี และแน่นอนเป็นรายได้หลักของบีบีซีค่ะ

ตอนนี้นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ กำลังรอดูรายงาน “Digital Britain Report” ที่จะแนะนำวิธีการปรับตัวของทั้งบีบีซี และ แนวทางช่วยเหลือ Channel 4 หรือ ช่อง 4 ของอังกฤษ ให้รับมือกับการใช้อินเตอร์เนตที่กำลังขยายตัวอย่างหนัก

พอคนใช้อินเตอร์เนตมากๆแล้วส่งผลกับการรับชมทีวีค่ะ เพราะแหล่งรายได้หลักของบีบีซีก็จะตกลงไปด้วย แล้วช่อง 4 นี่ก็เป็นสถานีสาธารณะเช่นกัน แต่ได้รับอนุญาตให้มีโฆษณาได้ โดยเจ้าของก็คือมหาชน ด้านหนึ่งช่อง 4 ได้เงินสนับสนุนจากรัฐและอีกด้านหนึ่งก็โฆษณาได้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าต้องผลิตรายการเพื่อสะท้อนความหลากหลายในสังคมอังกฤษด้วย

บราวน์ เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ The Times วันนี้เลยค่ะว่า อังกฤษจะต้องก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน โดยจะจัดหาระบบอินเตอร์เนตแบบ broadband ให้กับทุกๆครัวเรือนภายใน ค.ศ. 2012

แล้วเกี่ยวข้องกับบีบีซีและ channel 4 อย่างไร รายงานที่ว่าน่าจะแนะนำว่า ต้องแบ่งรายได้จาก licence fee ให้กับ channel 4 ด้วย เพื่อประคองทีวีสาธารณะให้อยู่รอดทั้งสองสถานี โดยไม่ใช้สองมาตรฐาน

นอกจากนั้นรายงานจะต้องมีคำแนะนำด้วยว่าจะจัดการกับคนที่ลักลอบแบ่งปันข้อมูลดิจิตอลกันอย่างไร และต่อไปจะมีกลไกคิดค่าบริการกันขนาดไหน แล้ว broadband ที่ให้บริการไปตามชุมชนต่างๆในต่างจังหวัดจะมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละครัวเรือนขนาดไหน

เป็นโครงการใหญ่ค่ะ ถ้าสำเร็จจริงๆ ต่อไปคนอังกฤษ โดยเฉพาะผู้สูงวัยก็จะอาจจะสมัครใจแบบแกมถูกบังคับให้กลายเป็น Netizens มากขึ้น อาจจะถูกใจผู้สูงวัยจำนวนมากก็ได้และเป็นการเตรียมการเพื่ออนาคต สำหรับคนรุ่นต่อๆไปในอังกฤษ ที่จะต้อง Go Digital กันมากขึ้น

ป.ล. อ่านทุกคอมเม้นต์ที่เข้ามาแล้วด้วยความสนุกสนานค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆค่ะ ที่ช่วยกันติดตาม มีประเด็นอะไร หรือ อยากให้ติดตามเรื่องอะไร ช่วยบอกต่อๆมาทางนี้ด้วยค่ะ



15.6.09

โอกาสมาพร้อมๆกับความเสี่ยง

โลกของผู้สื่อข่าว ตอนนี้เต็มไปด้วยโอกาสที่เปิดรออยู่มากมาย เมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ “เอื้อ” ต่อการรายงานมากขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องวีดีโอ บล๊อค อินเตอร์เนต ผู้สื่อข่าวแต่ละคนทำงานกันแบบครบวงจรได้ในคนคนเดียวมากขึ้นนะคะ โดยเฉพาะนักข่าวทีวี

แต่โอกาสที่เปิดมากขึ้นก็อาจจะมาพร้อมกับความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน เพราะเมื่อมีพื้นที่ให้ทำข่าวแบบลุยเดี่ยว และ เข้าไปในพื้นที่ที่ต้องห้ามได้มากขึ้น ความปลอดภัยหรือหลักประกันอาจจะลดน้อยลง

อย่างกรณีของผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสองคน ลอร่า หลิง และ ยูน่า ลี ตอนนี้ถูกกักกันอยู่ที่เกาหลีเหนือมาเข้าเดือนที่สามแล้ว สำหรับประเทศต้องห้ามอย่างเกาหลีเหนือ แค่เข้าไปได้นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายแล้วนะคะ บทวิเคราะห์ของ New York Times ระบุว่า ผู้สื่อข่าวทั้งสองไม่ได้ทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ใหญ่ๆ หรือหนังสือพิมพ์ชั้นนำ แต่ทำงานให้กับ Current TV ซึ่งเป็นช่องที่ออกอากาศในรูปแบบผู้สื่อข่าวอิสระนำเสนอเรื่องราวผ่าน เวปไซต์ยอดฮิต YouTube

รายงานระบุว่าผู้สื่อข่าวทั้งสองกำลังรายงานเรื่องผู้อพยพเกาหลีเหนือ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณพรมแดนไปเจอเข้าก็เลยถูกสั่งห้าม สัปดาห์ที่แล้วผู้สื่อข่าวทั้งสองถูกสั่งจำคุก 12 ปี ตอนนี้น่าจะมีแต่หนทางทางการทูตที่จะช่วยเธอทั้งสองได้ค่ะ

ด้านหนึ่งมีรายงานว่าทาง Current TV ก็กำลังหาทางช่วยผู้สื่อข่าวทั้งสอง แต่ก็ไม่อยากให้เป็นข่าวมากเพราะเรื่องนี้ และอ่อนไหว และเกรงว่าทั้งสองจะยิ่งเดือดร้อน

ผู้สือข่าวทั้งสองไม่ธรรมดานะคะ หลิง เป็นรองหัวหน้าในหน่วยงานของเธอที่เคยได้รับรางวัลมาแล้วจากรายงานสืบสวนสอบสวนเรื่อง เหตุรุนแรงในรัสเซียยุคนาซีใหม่ ทางคุณลี เป็นบรรณาธิการและมีประสบการณ์ในการทำภาพยนต์และทีวีมาก่อนด้วย เหตุมาเกิดเมื่อทั้งสองลงพื้นที่ทำงานโดยที่ไม่มีองค์กรสื่อสนับสนุนอยู่ ตรงนี้ต่างจากเวลาที่ผู้สื่อข่าวบีบีซี อย่าง Alan Johnston เคยได้รับความช่วยเหลือตอนที่ถูกลักพาตัว ที่ฉนวนกาซ่าเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นบีบีซี ทั้งองค์กรร่วมกันทำโครงการรณรงค์ และ เรียกร้องผ่านสื่อต่างๆพร้อมๆกัน่ จนในที่สุดจอห์นสตันก็ได้รับการปล่อยตัวค่ะ

และก่อนหน้านี้ไม่นานฟรีลานซ์อเมริกันเชื้อสายอิหร่าน Roxana Saberi ก็เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัว หลังจากเป็นข่าวไปทั่วโลก และช่วยกดดันรัฐบาลอิหร่านให้ปล่อยตัวเธอจากที่ตอนแรกตัดสินจำคุกนานหลายปีในข้อหาเป็นสายลับให้กับทางการสหรัฐ

เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำแบบนี้คงหยุดผู้สื่อข่าวไม่ให้ทำงานแบบเสี่ยงๆไม่ได้ค่ะ ในทางตรงกันข้ามน่าจะยิ่งเป็นเรื่องท้าทายให้ทำงานกันอย่างแข็งขันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงจะลืมนึกถึงความปลอดภัยของตนไม่ได้โดยเฉพาะการรายงานในสถานการณ์ขัดแย้งและในพื้นที่ที่เสี่ยงมากกว่าปกติค่ะ

7.6.09

นักศึกษาหญิง แซง นักศึกษาชาย



ช่วงนี้มีแต่ข่าวเครียดๆนะคะ โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่างคนตกงานที่กำลังเป็นปัญหากันไม่เว้นแต่ละวัน

ไปเห็นรายงานของสำนักข่าวบีบีซี แล้วเห็นว่าน่าสนใจ แต่จะว่าไปก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นักนะคะ ล่าสุดผลสำรวจของสถาบันการศึกษาระดับสูง (Higher Education) ของอังกฤษ พบว่าจำนวนนักศึกษาที่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย มีจำนวนนักศึกษาหญิงสูงกว่านักศึกษาชาย ในเกือบทุกสาขาวิชาค่ะ และแถมยังจะเรียนได้ระดับดีกว่าเพื่อนผู้ชายด้วย

แต่คุณบาห์แรม เบคห์ราด์เนีย บอกว่าผลความต่างเรื่องนี้อาจจะยังไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไรนะคะ เพราะในช่วง สองสามปีที่ผ่านมา จำนวนักศึกษาหญิงก็สูงกว่าผู้ชายมาตลอด แต่นักศึกษาชายอาจจะได้เข้าเรียนในคณะที่เป็นหน้าเป็นตามากกว่า แต่ปรากฎว่าผลการศึกษาล่าสุดพบว่าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะนักศึกษาผู้หญิงก็ได้เรียนในคณะดังๆกันมาก และปริมาณมากกว่านักศึกษาชายในเกือบทุกมหาวิทยาลัย

ที่ปริมาณพอๆกัน เห็นที่จะเป็นมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ เคมบริดจ์

และผู้ชายก็ยังครองอยู่ในคณะคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเทคโนโลยี

ตรงนี้น่าจะจริงค่ะ อย่างน้อยก็ที่ LSE ที่ดิฉันเรียน เห็น Gender Gap ชัดเจนจากคณะที่เรียน คณะ Gender Studies ผู้หญิงเรียนกันเกือบ 100 เปอร์เซนต์ค่ะ แต่เพื่อนผู้ชายก็มีนะคะ แต่มักจะเป็นกลุ่มเกย์เกือบหมด ขณะที่ห้องข้างๆที่เป็นคณะคณิตศาสตร์ นักศึกษาปริญญาเอก เป็นผู้ชายทั้งคณะ เป็นความต่างเรื่อง gender กับคณะที่เรียนอย่างชัดเจนค่ะ

จะว่าไปเรื่องปริมาณก็คงจะบ่งชี้ได้ระดับหนึ่งว่านักศึกษาหญิงขยันกันมากขึ้น และประตูทางการศึกษาเปิดโอกาสให้นักเรียนผู้หญิงมากกว่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะในคณะที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีผู้หญิงเรียนกันเท่าไร อย่าง วิศวกรรมศาสตร์ หรือ สังคมวิทยา แต่ตอนนี้ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เห็นนักศึกษาหญิงกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

ผลสำรวจที่ออกมานี้พบว่านักศึกษาหญิงมักจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและสองด้วยนะคะ ส่วนอันดับสามเป็นของนักศึกษาชาย

แข่งกันตอนเรียนก็ยังไม่พอค่ะ ตัววัดที่แท้จริงต้องไปดูตลาดแรงงานที่โดยมากผู้ชายอาจจะยังครองตำแหน่งสูงๆมากกว่าผู้หญิงอยู่ แต่ถ้าดัชนีทางการศึกษาเป็นแบบนี้แนวโน้มต่อไปก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะ

1.6.09

รมว คมนาคม ยืนยันเรื่องเช่ารถเมล์ เข้าครม พุธนี้

ยังเป็นเรื่องที่สังคมไทยตั้งคำถามกันด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงมากกับ กับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน กับมูลค่า 6 หมื่นกว่าล้านบาท

ติดตามกันในช่วงตอบโจทย์วันนี้นะคะ ว่าคุณโสภณจะแจกแจงประเด็นร้อนนี้กับสังคมไทยอย่างไร ทำไมถึงตัดสินใจเช่าแทนที่จะซื้อ แล้วการลดงบประมาณลงจะช่วยได้หรือไม่ แล้วทางสมาชิกวุฒิสภาที่ประสานเสียงกันค้านเซ็งแซ่มากขึ้นวิพากษ์โครงการนี้อย่างไร

30.5.09

สุขภาพอองซาน ซูจี ย่ำแย่


สุขภาพของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่ากำลังน่าเป็นห่วงอย่างมาก ยิ่งตอนนี้ยิ่งต้องมาถูกกังขังอยู่ที่เรือนจำอินเส่น ระหว่างรอพิจารณาคดี สถานการณ์ก็ยิ่งไม่ได้ดีขึ้นเลย

เชื่อว่าทั่วโลกเห็นใจนางออง ซาน ซูจี อย่างมาก และได้แต่ติดตามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่นักต่อสู้นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในพม่า ต่างเดินหน้ากดดันรัฐบาลทหารต่ออย่างไม่ลดละ และหวังว่าเสียงของประชาคมโลกจะประสานกันได้ผลสักที

ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐก็ดูเหมือนจะกร้าวขึ้นนะคะ เมื่อโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมกดดันรัฐบาลทหารพม่าให้หล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี และ เปิดการเจรจารอบใหม่กับพรรคฝ่ายค้าน
เกตส์ บอกกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงในเวทีสัมมนาที่สิงคโปร์ ว่าต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในพม่า หมายถึงต้องปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงนางออง ซาน ซูจี และเปิดการเจรจากับรัฐบาลทหารพม่าด้วย

ดอว์ ออง ซานซูจี หรือ ที่คนพม่าเรียกกันว่า The Lady อายุ 63 ปีแล้วนะคะ ถูกกังขังมารวมแล้ว 13 ในช่วง 19 ปีที่ผ่านมา คนพม่าต่างส่งกำลังใจให้นางซูจี และหวังว่าจะได้รับการปล่อยตัวในที่สุด

ล่าสุด ศาล บอกกับนายนีย์ วิน ทนายของซูจี ว่า การตัดสินอาจจะต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 5 มิถุนายน หรือ วันศุกร์หน้า

21.5.09

"ดาราตัวน้อย" มาเยือนทีวีไทย



น้องเคอิโงะ ซาโตะ พร้อมด้วยเพื่อนๆ อีกสามคม และ คุณป้า มาถึงกรุงเทพแล้วค่ะ เพื่อเตรียมตัวที่จะพูดคุยกับพ่อชาวญี่ปุ่น วันพรุ่งนี้ ที่สถานทูตญี่ปุ่น
น้องเคอิโงะ ตอนนี้เดินสายเยือนสื่อมวลชนเกือบทุกที่ คิวแน่นเอี้ยด ดูแล้วน่าเห็นใจ แต่น้องโงะ สดชื่นมากที่กำลังจะได้คุยกับพ่อคะ
พี่แจน (วรลักษณ์) เลยได้นั่งพูดคุยกับน้องโงะ ด้วยเตรียมชมกันได้ในรายการที่นี่ ทีวีไทย คืนนี้ค่ะ
น้องโงะ เป็นที่ชื่นชมของพี่ๆกันมาก ด้วยความสดใส และความมุ่งมั่น ของเด็กน้อย ที่เป้าหมายชัดเจนเลยว่าต้องการเจอพ่อให้ได้ พรุ่งนี้ก็จะได้สมใจ ในขั้นแรกแล้วค่ะ

5.5.09

คลื่นลูกที่หนึ่งยังไม่จาง....ระวังคลื่นลูกที่สองจะหนักกว่า


ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก Dr Magaret Chan เพิ่งจะออกมาเตือนนะคะว่าอย่าเพิ่งชะล่าใจ ที่ดูเหมือนจะควบคุมการแพร่เชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไว้ได้แล้ว เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มนิ่ง และคนติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นน้อยลง ซึ่งดูเหมือนคลื่นระลอกแรกเริ่มจะนิ่งแล้ว แต่ Dr Chan เตือนว่าคลื่นระลอกที่สองอาจจะหนักหน่วงกว่าเดิม และอาจจะละม้ายคล้ายกับ Spanish Flu ที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตและมีผู้เสียชีวิตมากถึง 40-50 ล้านคน

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าที่จริงกระแสว่าจะเกิดโรคระบาดอย่างไข้หวัดใหญ่ ก็พอจะเดาออกก่อนหน้านี้แล้วบ้าง และวงการแพทย์ทั่วโลกก็ได้พยายามหาทางรับมือกันอยู่ แต่ก็ต้องตั้งรับให้ดีเพราะวัคซีนที่ป้องกัน H1N1 โดยเฉพาะยังต้องใช้เวลาอีก 6 เดือนถึงจะสำเร็จออกมาได้

ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องเฝ้าระวังและเตรียมการให้ดีค่ะ ขณะที่จะมีการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนที่เมืองไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ด้วย เพื่อหาทางรับมือในระดับภูมิภาค

มีรายงานวงในว่าทางเม็กซิโก กับ จีน ก็จะร่วมประชุมด้วยผ่าน VDO conference รวมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนบวกสามก็จะร่วมด้วย งานนี้ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกอาจจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น เมื่อต้องเจอกับภัยเชื้อโรค ที่ไม่เลือกเชื้อชาติ เช่นนี้