29.11.09

พนมเปญ...พนมเปญ






ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะทำตัวเป็นนักสังเกตการณ์สภาพสังคม ณ กรุงพนมเปญ ได้อย่างละเอียด แต่ช่วง 3 วันที่ได้สัมผัสเมืองหลวงกัมพูชาครั้งแรก ก็ประทับใจกับผู้คนหลายเรื่องค่ะ

แวบแรกที่เห็นรู้สึกได้เลยว่า กรุงพนมเปญ กำลังโต แต่โตแบบเข้าข้างผู้มีอันจะกิน บ้านเมืองกำลังเต็มไปด้วยเครนก่อสร้าง โดยเฉพาะบ้านหลังใหญ่ๆ ตึกสูงๆที่ทำการค้า และมีรถคันโตมากมาย หลายๆรุ่นยังไม่เข้ามาในประเทศไทยด้วย มีเบนซ์สปอร์ตของบรรดาลูกของผู้มีฐานะ น้ำมันที่พนมเปญไม่ถูกนะคะ ลิตรละ 43 บาท แต่ก็มีผู้คนขับรถกันมากมาย รถติดมากมายเช่นกัน ไปไหนต้องเผื่อเวลาพอสมควร

ผู้คนส่วนใหญ่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน และยานพาหนะสามประเภท รถเก๋ง มอเตอร์ไซค์ จักรยาน รวมทั้งคนข้าม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันพอสมควร ใครอยากเปลี่ยนเลน อยากขับรถ อยากข้ามถนน ก็เชิญ แต่ระวังกันเอง ดูกันเองแล้วกัน ไม่ค่อยมีเสียงบีบแตรกันเท่าไร ถ้าเป็นบ้านเราขืนใครขับแบบตามใจฉันเช่นนั้น...เป็นเรื่อง อาจถึงขั้นยิงกันตายได้...ยังค่ะ กรุงพนมเปญยังไม่ถึงขั้นนั้น

สี่แยกที่บันทึกภาพมา ค่อนข้างกลางเมือง และตึกสึเหลืองที่คล้ายๆโดม กำลังจะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าในไม่ช้า

และโดยรอบสีแยกมีแม่ค้านั่งขาย "ปัง" กันหลายเจ้า เป็นอาหารเช้าหลักของคนที่นี่ค่ะ ดิฉันไปยืนๆอยู่ แม่ค้าคนหนี้พอหันมาเห็นยิ้มให้กล้องด้วยความเป็นมิตร ขนมปังฝรั่งเศสตกชิ้นละ 7 บาทค่ะ รับประทานแล้วอร่อยดี ยิ่งจิบกับน้ำชาด้วยละก็เพลินไปเลย แต่ถ้าอยากจะรับประทานให้อิ่มก็ต้องซื้อแบบใส่หมูยอ และ ผัก จะตกชิ้นละราว 20 บาท

รอยยิ้มที่ประทับใจที่สุดครั้งนี้มาจาก พี่น้องตระกูลคิม พี่ชายและน้องสาว ที่ตลาดรัสเซีย ตอนแรกไปยืนมองๆ ถามเด็กผู้ชายว่าพูดภาษาไทยได้มั้ย เด็กบอกพูดไม่ได้ แต่พูดภาษาอังกฤษได้ จากนั้นยืนคุยจ้อ คุยไม่หยุด น่ารัก ช่างเจรจาพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟทั้งพี่ชาย น้องสาว ทั้งคู่กำลังเรียนโรงเรียนนานาชาติ ครูเป็นชาวอเมริกัน อังกฤษ และ ฟิลิปปินส์ เด็กๆเหล่านี้จะเติบโตเป็นคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยคุณภาพของกัมพูชา และน่าจะขยายฐานของคนชั้นกลางในประเทศให้มากขึ้น จากที่คนส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด คนชนบท

อีกด้านหนึ่งเด็กชนบท ที่ขาดโอกาสเรียนหนังสือกำลังถีบตัวกันยกใหญ่ค่ะ เพราะต้องการสร้างโอกาสให้ตนเอง และเริ่มเหลือทนกับสภาพของครอบครัวตนเอง และของประเทศ

คราวหน้าดิฉันจะเล่าต่อว่าเด็กชนบทกำลังหาทางออกกันอย่างไร

No comments: