23.10.09

เยือนที่ทำการ "อียู"





ใช้เวลาไปทั้งวันที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ทีทำการสำคัญๆของสหภาพยุโรปค่ะ นั่งรถไฟประมาณชั่วโมงครึ่งจากกลางกรุงปารีส ถึงกลางกรุงบรัสเซลล์

ไปถึงก็เข้าไปทีทำการของสหภาพยุโรป มีบรรยากาศการแถลงข่าวและการทำงานของผู้สื่อข่าวที่กำลังยืนมุงเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปกันอยู่ แต่ละวันเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปประชุมกันอย่างหนักหน่วง สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง และเต็มไปด้วยเอกสาร พิธีการต่างๆมากมาย สำหรับองค์กรที่มีประเทศเป็นสมาชิกอยู่ 27 ประเทศในยุโรป และมีผู้คนราว 500 ล้านคน จำนวนผู้คนนี่พอๆเล็กกว่า 10 ประเทศอาเซียนเสียอีก

สหภาพยุโรปนำหน้าอาเซียนไปก่อนพักใหญ่แล้วเรื่องการรวมตัวกัน เกิดขึ้นยุคปี 1950s อาเซียนมาเกิดขึ้นปี 1967 ถ้านับตามปีก็ตามกันอยู่ไม่น้อยกว่า 15 ปีขึ้นไป

อาเซียนพยายามเรียนรู้จากสหภาพยุโรปในหลายๆด้าน โดยเฉพาะกลไกของการจัดการความเห็นของประเทศสมาชิก การนับคะแนนเวลาลงความเห็น บทลงโทษประเทศสมาชิกที่ทำผิดกฎ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปที่ได้เจอะเจอ พูดให้กำลังใจอาเซียนมากมาย จะว่าไปก็เป็นภาษานักการทูตที่วาดภาพให้ทุกอย่างดูสวยงามและมีความหวังได้ สำหรับอาเซ๊ยนดูแล้วหนทางยังอีกยาวไกล แต่ก็เดินมาตั้งหลักมาได้มากแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากมายให้ต้องแก้ไขอีกเช่นกันค่ะ

เรื่องของสหภาพยุโรปมีกลไกมากมาย แค่ภาษาที่ใช้คุยกันก็เป็นเรื่องแล้ว กับ 27 ประเทศสมาชิก แต่ละครั้งเวลาประชุมกันในรัฐสภาต้องมีล่ามพร้อมแปลทันที 23 ภาษา เขาบอกว่ามีเรื่องเล่าตลก ว่าเวลามีเรื่องขำ จะขำไม่พร้อมกัน เพราะล่ามแต่ละคนจะแปลเรื่องตลกไม่พร้อมกัน

อียู แก้ปัญหาไปแล้วมากมายและยังเติบโตอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ที่ได้พบให้กำลังใจว่า แม้อาเซียนจะย้งต้องเดินอีกไกล ก็ต้องรักกันไว้ ต้องรวมกันเป็นหนึ่งและพยายามจับเป็นกลุ่ม ถ้าเดินไปอย่างโดดเดี่ยวคิดว่าข้ามาคนเดียว ก็จะไปไม่รอด เพราะที่สุดแล้วจะถูกกลืนโดยจีนและอินเดีย ที่กำลังขนาบข้างและมาแรง ถ้ารวมกันเป็นกลุ่มจะมีพลังต่อรองมากกว่าและเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มประเทศเล็กๆอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะอยู่ในเวทีโลกต่อไป

จบแบบให้ความหวังพร้อมกับสัญญาณว่า ยังต้องเติบโตและเรียนรู้อีกมากสำหรับอาเซียน

3 comments:

Anonymous said...

"แม้อาเซียนจะย้งต้องเดินอีกไกล ก็ต้องรักกันไว้ ต้องรวมกันเป็นหนึ่งและพยายามจับเป็นกลุ่ม ถ้าเดินไปอย่างโดดเดี่ยวคิดว่าข้ามาคนเดียว ก็จะไปไม่รอด"

ให้แง่คิดดีค่ะ ใช้ได้กับทั้ง ระดับองค์กร ระดับประเทศ จนถึงระดับโลก..aor

Unknown said...

อาเซียนคงเหนื่อยหน่อยละครับ
ช่วงนี้ไม่รู้สมเด็จฮุนเซ็นท่านโดนนะจังงังหรือนะมหาละลวยของลุงแม้วเข้าไปหรืออย่างไรถึงออกมาให้สัมภาษณ์แบบฟังแล้วชวนให้ความดันอักเสบ คราวนี้ไม่รู้ท่านพูดในนามสวนตัว หรือพูดในนามของประเทศกัมพูเจียก็ตามทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดูจะเขม็งเกลียวยิ่งขึ้นไปอีก การมาประชุมอาเซียนครั้งนี้ไม่รู้ท่านมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือเปล่า เพราะทันทีที่เหยียบแผ่นดินไทยท่านก็ให้สัมภาษณ์ชนิดที่ฟังแล้วต้องอื้ง ที่ง เสียว ไปตาม ๆ กัน ยังไม่วายเปรียบเทียบ ทักษิณ กับ อองซานซูจี ให้พวกเราชาวประเทศสาระขัณฑ์ได้หูตาสว่าง ผมนั่งดูข่าวทางทีวีพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก อาหารมื้อเย็นวันนี้ผมต้องพยายามระมัดระวังในการกินเป็นอย่างมาก เพราะสมเด็จฮุนเซ็นท่านทำผมขำกลิ้ง อองซานซูจี กับทักษิณ ชินวัตร ที่ผมรู้จัก กับที่ท่านสมเด็จฮุนเซ็นรู้จักเป็นตัวตนคนเดียวกันหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละท่านอาจจะมีเหตุผลของท่าน ถ้อยคำที่ให้สัมภาษณ์ฟังแล้วเหมือนเป็นแนวร่วมของคนเสื้อแดงไม่มีผิดเพื้ยน ผมถึงว่าท่านโดนนะจังงัง หรือกินหญ้าเสกของลุงแม้วของผมเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ อาเซียนก็เหนื่อยกันต่อไปละครับ

Anonymous said...

โห...มะขวิดซังวิเคราะห์ได้เจ๋งเป้ง
..หมากเกมนี้ฉันก็รู้ ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร..
เหอะ เหอะ อ่านเกมกันออกรึเปล่า มะซังขวิด
แต่วันนี้ นัดแถวเครียดจัง หน้าตาแดงกำเชียว
สงสัยมีใครแอบวางยาแน่ๆ
เหมือนนายกฯ อภิสิทธอ์เลย
ขอบคุณอ.ปณิธานที่พยายามดึงสตินายกฯ
เพราะรู้ทันเกมอีตาฮุนเซ็น ที่เล่นมวยวัด
(ซึ่งจริงๆ นายกฯ ก็รู้เกมดีแต่ต้องสวนหมัดคืนซะบ้าง
หนอยแนะ ไม่รู้แววอำมหิตมาร์ก ซะแร้ว)
ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ว๊อยยยยย
รู้สึกของกำลังขึ้น ..
เดี๋ยวไปลุ้นคุณประวีณมัยซะหน่อย
เห็นติ๋มๆ..แต่ดูจะสวยประหาร..ซะมากกว่า มั้ง