22.1.11

"ทุกคนเข้มแข็ง" ประโยคเดียวจาก "พนิช วิกิตเศรษฐ์"








“ทุกคนเข้มแข็ง”
ราว 17.05 น. ณ ทางออกประตูที่ 10 ขาเข้า (arrival) ของสนามบินสุวรรณภูมิ “คนไทย 5 คน” ที่ได้รับการปล่อยตัวจากประเทศกัมพูชาก็ได้มาถึงประเทศไทยค่ะ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ “กลับ” ประเทศไทยอีกหลังจากถูกจับกุมที่กัมพูชา ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 – 47 ที่กำลังรอการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ณ อ.โนนหมากมุ่น จ.สระแก้ว ของไทย เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553
เป็นการกลับมา หลังจากจากไป 25 วันเต็ม ที่ไม่ยอมเผยคำใดกับผู้สื่อข่าว มีเพียงประโยคเดียวของคุณพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.กรุงเทพมหานคร ที่พูดสั้นๆว่า “ทุกคนเข้มแข็ง”
ผู้สื่อข่าวไปรุมล้อมกันทุกสถานีข่าวตั้งแต่เช้าค่ะ ตอนแรกมีรายงานว่าคณะอาจจะเดินทางมาด้วยเที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จะมาถึงไทย เที่ยวบิน PG938 เวลา 08.15 น. แต่ก็ไม่ได้มา ขณะที่ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ปักหลักรอกันอย่างเต็มที่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ดิฉันไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิราว 15.30 น. หลังจากตรวจสอบจากแหล่งข่าวแล้วค่อนข้างจะแน่ใจว่าจะเดินทางมาด้วยเที่ยวบิน PG 934 ถึงเมืองไทยเวลา 16.45 น.
ระหว่างที่รอผู้สื่อข่าวต้องพยายามตรวจสอบกับแหล่งข่าวกันตลอดเวลา ทั้งจะเดินออกประตูไหน จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหรือไม่ จะเปิดแถลงข่าวหรือไม่ ใครจะเป็นคนพูดกับผู้สื่อข่าว เหล่านี้ล้วนต้องพยายามตั้งคำถามกันล่วงหน้า และต้องซักซ้อมทำความเข้าใจกับช่างภาพว่าใครจะคอยอยู่มุมไหน
โชคดีบวกกับความขยันของคุณสุกานดา สินขจิต ผู้สื่อข่าวสายการเมืองของทีวีไทย ที่มีสายข่าว “วงใน” ที่แม่นยำ ที่ยืนยันว่าเมื่อมาถึงแล้ว คณะของคนไทย 5 คน จะเดินไปที่ประตูทางออกที่ 10 ซึ่งปกติเป็นเขตหวงห้าม ทีมข่าวทุกสถานีเลยย้ายจุดปักหลักไปบริเวณนั้น ซึ่งก็พอจะมีหลักฐานให้ “อุ่นใจ” ได้บ้าง เพราะสืบไปสืบมา พบว่ามีรถของกระทรวงการต่างประเทศ และรถส่วนตัวของคุณพนิช ไปจอดรออยู่แล้ว
ราว 17.05 น. นาทีสำคัญมาถึงเมื่อคณะของ “คนไทย 5 คน” เดินออกมา พร้อมกับคุณชวนนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เดินทางไปรับที่กรุงพนมเปญราว 06.00 น. ของวันนี้
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณพนิช กันในระยะประชิด หลังจากได้รับการประกันตัวเมื่อ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับคุณนฤมล จิตรวะรัตนา เมื่อวานถ้าท่านได้ติดตามข่าวจะเห็นว่าคุณพนิช สวมหมวกสัญลักษณ์อาเซียนสีฟ้า

แต่วันนี้ไม่มีหมวกสีฟ้า มีแต่แว่นดำ เผยให้เห็นศรีษะที่โกนจริง ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่า คุณพนิช ต้องโกนผมเพราะโดนแมลงระหว่างอยู่ในเรือนจำ และอาจจะเกิดอาการติดเชื้อที่ศรีษะ

ช่วงชุลมุนกันเพื่อที่สื่อจะได้บันทึกภาพถ่าย และเป็นช่วงเสี้ยวนาทีที่ทั้งคณะจะเดินไปขึ้นรถที่จัดไว้ พอจะเห็นได้ชัดว่าคนไทยทั้ง 5 คน คงจะไม่พูดอะไรกับผู้สื่อข่าวเป็นแน่แท้ ดิฉันจึงตัดสินใจตะโกนถามขึ้นดังๆ “ให้กำลังใจคุณคุณวีระ และคุณราตรี ก่อนเดินทางมาไทยยังไงบ้างคะ” (หวังอยู่ในใจว่าเผื่อคุณพนิชจะหยุด) แต่ได้เพียงคำตอบสั้นๆชัดๆว่า “ทุกคนเข้มแข็ง”
“ทุกคนเข้มแข็ง” จึงเป็นเพียงประโยคเดียวที่พอจะได้ยินชัดๆจากคุณพนิช ในการเดินทางกลับถึงประเทศไทยในครั้งนี้ค่ะ

5 คนที่ถูกจับกุมและได้เดินทางกลับมาครั้งนี้คือ คุณพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม ร้อยตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เลขาฯมูลนิธิกองทัพธรรม คุณกิจพลธรณ์ ชุสนะเสวี ผู้ช่วยคุณพนิช คุณตายแน่ มุ่งมาจน และ คุณนฤมล จิตรวะรัตนา

สองคนที่ยังถูกคุมขังอยู่ ณ เรือนจำเพรย์ซอว์ ก็คือคุณวีระ สมความคิด ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ คนไทย 2 คน ที่ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมเรื่องจารกรรมข้อมูลทางการทหารและเป็นภัยต่อความมั่นคงของกัมพูชา ศาลกัมพูชานัดวันพิจารณาคดีนี้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

การกลับมาครั้งนี้ของคนไทยทั้ง 5 คน จะว่าไปก็ถือว่าเร็ว เมื่อเทียบกับคำยืนยันของคุณซก เรือน อัยการประจำศาลกรุงพนมเปญที่พูดเมื่อวัน 20 มกราคมว่า จะตัดสินคดีเกี่ยวกับ 2 ข้อหาเรื่อง ล้ำเขตแดนกัมพูชาโดยผิดกฎหมาย และ เข้าเขตแดนทหาร ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่หลังจากมีกระแสข่าวออกมา กระทรวงการต่างประเทศบอกว่าช้าเกินไป และบอกว่าจะพยายามเร่งรัด จนในที่สุดศาลกัมพูชาเลื่อนวันตัดสินเป็น 21 มกราคม และในช่วงหัวค่ำ ตัดสินว่าบุคคลทั้ง 5 มีเจตนาเข้าเขตแดนกัมพูชาจริง และโทษจำคุก 9 เดือน แต่โทษจำคุกเนื่องจากคนไทยทั้ง 5 คนอยู่ในเรือนจำมาตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2553 ส่วนระยะเวลารับโทษที่เหลืออีก 8 เดือน ศาลให้รอลงอาญา ดังนั้นคนไทยทั้ง 5 คนกลับบ้านได้เลย
เมื่อคุณวีระและคุณราตรี ยังไม่ได้กลับบ้าน และคุณวีระ บอกว่าจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุดเพื่อยืนยันว่าถูกจับในพื้นที่ของไทย ขณะที่คุณการุณ ใสงาม ทนายความไทยบอกว่าจะต่อสู้บนพื้นฐานว่า คุณพนิช ถือเป็นหัวหน้าคณะของการเดินทางจนถูกจับกุมในครั้งนี้ เพราะคุณพนิช เป็น สส.และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการเจบีซีด้วย

กระบวนการทั้งหมดอาจจะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

No comments: