23.10.08

เสียงตามสายจาก...ทักษิณ


ยามนี้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จะทำจะพูดอะไรก็ยิ่งเป็นข่าวค่ะ โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้จำคุกอดีตนายกรัฐมนตรีจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อทีดินรัชดา

จากคำให้สัมภาษณ์เมื่อสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา กับสำนักข่าวรอยเตอร์ คุณทักษิณ บอกว่า กำลังหารือกับทีมที่ปรึกษากฎหมาย เกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์ในคดีที่ดินต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คุณทักษิณบอกว่า

"ไม่ออกแถลงการณ์แล้ว แต่ผมจะ phone in เข้ามาพูดกับประชาชน ประมาณ 20 นาที"

หมายถึงว่า จะโทรศัพท์จากต่างประเทศมาคุยกับผู้ร่วมชุมนุมของรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ใช้ชื่อ
"ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ในวันที่ 1 พฤศจิกายน

คุณทักษิณพูดถึงเรื่องการขอลี้ภัยด้วย ที่ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่ากำลังทำเรื่องขอลี้ภัยอยู่ แต่คุณทักษิณพูดอีกแบบ โดยบอกว่า "เรื่องลี้ภัยไม่มี เพราะใช้วีซ่านักท่องเที่ยวอยู่ ผมเดินเข้าออกอังกฤษประจำ ผมได้รับเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาในหลายประเทศ บางทีก็เสนอให้ไปอยู่ด้วย บางทีเสนอให้เป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาความยากจน"

แต่ที่ชัดเจนเห็นจะเป็นเรื่องจังหวะที่จะรอกลับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าคุณทักษิณชัดเจนย้ำจุดยืนเดิมที่เคยเขียนแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะกลับเมืองไทยเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ในครั้งนี้คุณทักษิณบอกว่า
"ยังไม่กลับตอนนี้ กลับได้อย่างไร กลับก็ถูกจับ สิ่งที่เขาทำกับผมทั้งหมด ก็เพื่อไม่ให้ผมอยู่ในประเทศ เป็นผลงานของคณะปฏิวัติ...ขั้นต่อไปก็คือการยุบพรรค"

ดูแล้วการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีแรงกระเพื่อมจากกรุงลอนดอน มาถึงประเทศไทย ก็คงจะไม่จบง่ายๆค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะ "phone in" ในวันที่ 1 พฤศจิกายนหรือไม่ เพราะกระแสจากทางฝั่งไทยเองก็มีอยู่มิใช่น้อย

5 comments:

Anonymous said...

คุณนัฏฐา น่าจะสบายดี ที่นี่ทีวีไทยเมื่อคืน จบช็อตไปพร้อมกับ Thaskin’s story สะท้อนสถานการณ์การเมืองและสังคมไทยในภาวะนี้ได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น ดิฉันค่อนข้างเบลอๆ คงเพราะตกอยู่ในวังวนของ Thaksin true story พร้อมๆ กับ เรื่องราวของพันธมิตร เหมือนกับอีกหลายคนที่ไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ข้างหน้า เพราะเราไม่ได้เป็นคนเล่นเกม จึงไม่อาจกำหนดเกมด้วยตัวเอง แต่ถ้าสรุปเรื่องราวผ่านตัวเราเอง ดิฉันเห็นตัวเองกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัย (paradigm shift) ซึ่งสังคมกำลังปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ ดิฉันกำลังพูดถึง (something change) theory ch. or reprocess democracy ซึ่งคุณนัฏฐา อาจไม่คิดเหมือนดิฉัน เราอาจพูดและคิดคนละภาษา ไม่ว่าจะด้วยสีแดง สีเหลือง สีชมพู หรือสีใดๆ แต่ในขณะเดียวกันเราต่างตกอยู่ในสัญชาตญาณเลือกที่จะรักตัวเอง เข้าข้างตัวเอง เพราะเป็นสิ่งที่มั่นใจได้มากกว่าอย่างอื่น เมื่อถึงวันหนึ่งเราลองที่เลือกรักคนอื่นแม้สักคน มันจะดีแค่ไหนเมื่อเรารักคนอื่นๆ อีกหลายคนโดยไม่จำเป็นต้องแยแสตัวเราเอง โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่มีเงื่อนไขหรือมีน้อยที่สุด เพราะเราต่างก็รู้ว่าเรามีที่ยืนบนอุดมการณ์เดียวกัน หรือบนพื้นที่เดียวกัน พื้นที่ๆ ซึ่งมีที่ให้ยืนสำหรับทุกๆ คน
วาระสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เพิ่งผ่านพ้น วันปิยมหาราช ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้มีพระเมตตาเลิกระบบทาส คนไทยค่อยๆ ก้าวสู่ความเป็นอิสระชน แต่ระบอบการเมืองการปกครองยังไม่ได้ถูกปลดล็อคในทันทีทันใด เราอาจยังไม่รู้จักเสรีภาพ จึงไม่แน่ใจในศักยภาพของเสรีภาพ ของตัวเราเอง หรืออาจไม่เข้าใจว่ามันอุดมด้วยคุณค่าใด เราจึงไม่ได้ใช้เสรีภาพในแง่ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อเหตุผลอื่น เราจึงไม่หลุดจากการหวังพี่งพิงคนอื่น(มีดีเอ็นเอของระบอบอุปถัมภ์) หรือบางทีเรายังหลงเหลือความรู้สึกว่าต้องอาศัยคนอื่นอยู่ร่ำไป และอาจเป็นเพราะเรายังคงหลงติดยึดระบอบเก่า หรือบางทีเราไม่เท่าทันระบอบเก่าที่แปรรูปใหม่จนรู้สึกว่ามันเป็นระบอบใหม่ที่ช่างวิเศษวิโส แค่เราย้ายบ้านแต่ยังคงพฤติกรรมครอบงำ อำนาจข่มขู่เหมือนเดิม เราก็ยังคงตกในสภาพ “ทาส” เหมือนเคย เราได้กลายเป็น “ทาสแปรรูป” โดยไม่รู้ตัวตนสักนิด เราต่างเป็นทาสแปรรูปของการเลือกตั้ง ทาสของคำว่าประชาธิปไตยที่มีคนอมละลายแล้วบ้วนใส่ปากพ่นใส่ศีรษะเพื่อให้เรารู้สึกอหังการว่าเราเป็นประชาธิปไตย เพื่อจัดในกลุ่มของพวกใส่เสื้อสี
การตกเป็น “ทาสทักษิณ” แตกต่างจากทาสในอดีต แค่ตรงที่เราเป็นทาสที่มีวุฒิการศึกษาแต่มีดวงตาที่มืดทึบ และไม่มีวุฒิทางปัญญาที่ส่องสว่าง ดังนั้นเราจึงไม่ใส่ใจต่อคุณธรรม มโนธรรม จริยธรรมที่ทำให้เราแตกต่างจากสิ่งที่มีชีวิตชนิดอื่น ถามว่าเราสามารถรักและอยู่ร่วมคนที่เป็นทาสทักษิณได้ไหม บางทีเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่กินกับพวกเขามานานแล้ว ถ้ายังตอบตัวเองได้ว่าหัวใจเรายังฝักใฝ่มโนธรรม จริยธรรม เราย่อมดำรงความ เป็น อยู่ คือกับใครก็ได้ เพราะเราไม่อาจหนีห่างจากความแตกต่างได้ แต่ถ้าใจเราเองยอมตกเป็นทาสของการกินบ้านกินเมือง เห็นชอบกับนักนวัตกรรมด้านโกงกิน ที่มาพร้อมกับคำว่าเก่งอัจฉริยะและทันสมัย สนับสนุนความเป็นทาสของการฉ้อฉลทีมีกลวิธีแพรวพราวพร้อมกับอ้างกติกาประชาธิปไตยเทียม (instant democracy) ดังนั้นจะทุรนทุรายไปใยกับการไร้ทำเนียบนอน ยิ่งมีเสียงราษฎรตาดำๆ เป็นล้านๆ เสียงอยู่ในมือ จะหวาดกลัวไปใย ....ที่เราหวาดกลัวคือ อำนาจที่กำลังจะหลุดมือ และผลของอำนาจต่างหาก
ดังนั้น ทักษิณ จำเป็นต้องทักทายการสวามิภักดิ์ ที่เมืองไทย ไม่ว่าวันที่ 1 หรือวันใด เพราะมันบ่งบอกถึง “อำนาจ” ที่อยู่ในมือ เพื่อที่เขาจะได้ป่าวร้องด้วยเสียงอันดังเพื่อดึงมวลชนมาช่วยเขาแหวกวงล้อมที่แน่นหนาหลายชั้น เพื่อจะดินสู้ทางกฎหมายต่อไป เพื่อพยุงกำลัง “สมชาย” ไม่ให้ยอมแพ้ตอนนี้ การพลิกมาสร้างเกมของตัวเองมันดีกว่าเพราะเราจะเป็นฝ่ายกำหนดเกมเอง เมื่อคนคุมเกมที่อังกฤษออกมาอยู่แถวหน้า จึงต้องจินตนาการเองว่า เป็นการส่งสัญญาณพร้อมรบทุกองคาพยพ.....ส่วนในรูปแบบใดจำเป็นต้องอาศัยการสังเคราะห์ที่มากกว่านี้. คุณนัฏฐาน่าจะรู้ซึ้งกว่าพวกเรา...เป็นไหนไหน

Yellow handkerchief

Anonymous said...

สวัสดีพี่ณัฏฐาครับ
วันนี้เห็นพี่พูดถึงภาพคุณทักษิณไปวัดที่ลอนดอน
ในภาพนั้นไม่ใช่วัดพุทธปทีปนะครับ
แต่เป็น "วัดพระธรรมกายลอนดอน" ศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกายในเมืองไทยนี่แหละครับ

พิธีในภาพเป็นพิธีหล่อรูปเหมือนทองคำหลวงปู่วัดปากน้ำ ที่จัดขึ้นพร้อมกับวัดพระธรรมกายในไทย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาครับ

ได้ข้อมูลจริงมา เลยเอามาแปะให้พี่อ่านครับ^^

Anonymous said...

สุขสันวันเกิด แด่ พิธีกรคนเก่ง คุณณัฏฐา โกมลวาทิน
มีความสุขมากมากจ๊ะ 25/10/51

Anonymous said...

อยากให้คุณณัฏฐามีพัฒนาการในเรื่องการพูดในรายการที่นี่ทีวีไทยให้ดีขึ้นกว่านี้ ดูมาตั้งแต่เริ่มที่คุณเป็นพิธีกร จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่พัฒนาตัวเองในเรื่องการพูด ส่วนเรื่องเนื้อหารายการยอมรับว่าดี (จะไม่ดูก็เพราะพิธีกรนี่แหละ) ให้กำลังใจนะ

Unknown said...

ผมงงว่าคนลอนดอนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย
แต่กลับฟ้องคนอื่นเป็นร้อยๆ ล้าน
พอตัวเองโดนโทษก็ไม่ยอมรับความผิด แล้วขอพระราชทานฯ

ตกลงจะเอายังไงแน่?